คำถามที่พบบ่อย

เมื่อลงทะเบียนโปรไฟล์ลูกค้า คุณต้องระบุชื่อเล่นของคุณ ชื่อเฉพาะนี้จะระบุตัวคุณใน บริการการซื้อขายทางสังคม ชื่อเล่นจะต้องเริ่มต้นด้วยตัวอักษรที่ประกอบด้วย ตัวเลขและขีดเส้นใต้ ไม่อนุญาตให้เว้นช่องว่าง

โปรดทราบว่าคุณต้องติดต่อทีมสนับสนุนผ่านทาง แชทออนไลน์ หากคุณต้องการเปลี่ยนชื่อเล่นของคุณอีกครั้ง

ตามนโยบายของ LiteFofex ลูกค้าจะได้รับอนุญาตมีหนึ่งโปรไฟล์เท่านั้น อย่างไรก็ตามลูกค้ามีสิทธิที่จะมีบัญชีเทรดได้ถึง 10 บัญชีที่ใช้งานในโปรไฟล์ส่วนตัว จำนวนบัญชีเทรดที่ใช้งานอยู่จะได้รับอนุญาตให้ใช้งานในเวลาเดียวกันได้ในโปรไฟล์ของลูกค้าสามารถเพิ่มขึ้นตามความต้องการของคุณเมื่อได้ผ่านฝ่ายสอบถามข้อมูลลูกค้าทั่วไป

เอกสารยืนยันตัวตนจะต้องออกโดยหน่วยงานรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายและต้องมีรูปถ่ายของลูกค้า ซึ่งอาจเป็นด้านหน้าของบัตรประจำตัวหนังสือเดินทางหรือใบอนุญาตขับขี่ เอกสารจะต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันที่กรอกใบสมัคร เอกสารแต่ละฉบับจะต้องมีวันหมดอายุระบุชัดเจน

เอกสารยืนยันที่อยู่อาศัยอาจจะเป็นหน้าที่ระบุที่อยู่อาศัยของคุณในหนังสือเดินทาง (ในกรณีที่หน้าแรกของหนังสือเดินทางใช้ในการยืนยันตัวตน ทั้งสองหน้าจะต้องมีเลขที่ลำดับเล่มหนังสือเดินทาง) ที่อยู่อาศัยสามารถยืนยันโดยใช้บิลค่าสาธารณูปโภคที่ประกอบด้วยชื่อ-นามสกุลเต็มและที่อยู่จริง บิลดังกล่าวจะต้องมีอายุไม่เกินสามเดือน ในฐานะหลักฐานยืนยันที่อยู่ บริษัทยังรับบิลจากองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ หนังสือรับรองหรือสเตทเมนท์ธนาคาร (ไม่รับบิลโทรศัพท์มือถือ)

สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นสำเนาสีที่อ่านง่ายหรือรูปถ่ายที่อัปโหลดเป็น jpg, pdf หรือ png โดยที่ขนาดไฟล์สูงสุดคือ 15 MB

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ระบุหมายเลขโทรศัพท์ของคุณอย่างถูกต้องใน โปรไฟล์ลูกค้า หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้ป้อนหมายเลขที่ถูกต้อง
2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ในโปรไฟล์ส่วนตัวของคุณแล้ว หากยังไม่ได้ยืนยัน โปรดยืนยัน
3. หากปัญหายังคงมีอยู่ โปรดรีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณ
4. หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ให้บริการมือถือของคุณอาจบล็อกข้อความรหัสสั้น หากเป็นเช่นนั้น โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของเราผ่าน แชทออนไลน์ และรหัสจะถูกส่งไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของคุณด้วยตนเอง
5. หากต้องการรับ SMS จากบริษัทของเราในอนาคต คุณจำเป็นต้องติดต่อกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของคุณและปลดบล็อกข้อความรหัสสั้น

โปรดทราบว่า SMS ที่เราส่งถึงลูกค้าของเรานั้นฟรี

ขั้นแรก คุณต้องเติมเงินในบัญชีซื้อขายที่คุณตั้งไว้เป็นบัญชีหลัก โปรดทราบว่าจำนวนเงินขั้นต่ำของการคัดลอกการซื้อขายมักจะถูกกำหนดโดยนักเทรดที่คุณเลือก และเงินฝากขั้นต่ำ $50 อาจไม่เพียงพอ

ไปที่ส่วน "คัดลอก" และกำหนดกลุ่มนักเทรดที่ตรงกับความต้องการของคุณโดยใช้ตัวกรอง เราไม่สามารถแนะนำนักเทรดแต่ละรายโดยเฉพาะได้ เนื่องจากคุณจำเป็นต้องทำการตัดสินใจด้วยตัวเองตามกลยุทธ์การซื้อขาย ความเสี่ยง ระยะเวลาในการทำงาน และจำนวนนักเทรดคัดลอก ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับนักเทรดจะแสดงเป็นตารางการตรวจสอบที่โปร่งใส ก่อนตัดสินใจ คุณสามารถส่งข้อความถึงนักเทรดได้ หลังจากเลือกนักเทรดแล้ว ให้คลิกที่ชื่อเล่นเพื่อเปิดหน้าต่างการตั้งค่า ที่นี้คุณสามารถระบุผลรวมที่จะใช้เพื่อคัดลอกนักเทรดได้ เลือกประเภทการคัดลอก และตั้งค่าเงื่อนไขการหยุดการคัดลอก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่า โปรดอ่านคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำงานบนแพลตฟอร์ม Social Trading/การคัดลอกการซื้อขาย

เมื่อคุณบันทึกการตั้งค่าของคุณแล้ว ให้คลิกที่ "คัดลอก" นักเทรดที่คุณคัดลอกจะแสดงในพอร์ตโฟลิโอของคุณที่ด้านล่างของหน้า คุณสามารถคัดลอกนักเทรดหลายคนพร้อมกันได้ และคุณไม่สามารถคัดลอกนักเทรดรายเดียวกันหลายๆ ครั้งพร้อมกันได้ แต่คุณสามารถเพิ่มปริมาณการคัดลอกการซื้อขายสำหรับนักเทรดรายนี้ได้ ผลรวมที่จะใช้สำหรับแต่ละกระบวนการคัดลอกนั้นสามารถกำหนดได้ด้วยตัวคุณเอง

หากคุณลืมหรือต้องการจะเปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่โปรไฟล์ของลูกค้า ให้ใช้ตัวเลือกการกู้คืนรหัสผ่านที่อยู่หน้าเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ของลูกค้า (ลืมรหัสผ่าน?) นอกจากนี้คุณยังสามารถติดต่อฝ่ายสอบถามลูกค้าทั่วไปเพื่อขอเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ ผู้จัดการจะขอให้คุณให้ข้อมูลที่ระบุตัวตนที่จำเป็น และแนะนำให้ตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อนโดยใช้ตัวอักษรตัวเลขและตัวอักษรพิเศษ ข้อมูลรหัสผ่านของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับและมีความปลอดภัย

หากไม่มีการทำธุรกรรมในบัญชีซื้อขายเป็นเวลา 3 เดือน บัญชีนั้นจะถูกจัดประเภทว่าไม่มีความเคลื่อนไหว บริษัทจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการให้บริการบัญชีที่ไม่ได้ใช้งานเป็นจำนวน 10 USD (หรือเทียบเท่าในสกุลเงินของบัญชี) ทุกๆ 30 วันตามปฏิทิน บัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจะถูกเก็บถาวรในเดือนถัดไปหลังจากที

บัญชีจะถูกเก็บถาวรใน 40 วันตามปฏิทิน หลังจากที่ยอดเงินในบัญชีเป็นศูนย์

ติดต่อ แชทออนไลน์ เพื่อกู้คืนบัญชีที่เก็บไว้ของคุณ

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อธิบายไว้ ให้ใช้บัญชีซื้อขายในโปรไฟล์ของคุณเป็นประจำ โปรดทราบว่าการเชื่อมต่อกับบัญชีซื้อขายผ่านเทอร์มินัลการซื้อขายไม่ถือเป็นกิจกรรม และไม่ใช่การส่งคำสั่งที่รอดำเนินการ บัญชีโปรไฟล์ใดๆ ของคุณจะต้องเปิดและปิดตำแหน่งการซื้อขายหรือทำธุรกรรมยอดคงเหลือเพื่อให้ยังคงใช้งานได้

คุณสามารถเปิดใช้งานวิธีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในโปรไฟล์ลูกค้า ในการดำเนินการนี้ ให้เข้าสู่ระบบโปรไฟล์ลูกค้าของคุณ ไปที่ "ความปลอดภัย" และเปิดวิธีการที่คุณคิดว่าสะดวกที่สุด คุณสามารถเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนผ่าน Google, การยืนยันตัวตนผ่าน SMS และการยืนยันตัวตนผ่านอีเมลพร้อมกันหรือทีละรายการ

เมื่อใช้การยืนยันตัวตนผ่าน SMS หรืออีเมล คุณจะได้รับรหัสแบบใช้ครั้งเดียวทาง SMS และ/หรือ อีเมลทุกครั้งที่คุณเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ลูกค้าของคุณ อาชญากรจะไม่สามารถเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ได้หากไม่มีสิทธิ์เข้าถึงโทรศัพท์และ/หรืออีเมลของคุณ

ในการใช้การยืนยันตัวตนทาง Google คุณจะต้องดาวน์โหลดแอป Google Authenticator จาก Google Play หรือ App Store และติดตั้งลงในอุปกรณ์ของคุณ เมื่อใช้วิธีความปลอดภัยนี้ คุณจะต้องป้อนรหัสแบบใช้ครั้งเดียวที่สร้างโดยแอปทุกครั้งที่คุณลงชื่อเข้าใช้โปรไฟล์ของคุณ

โปรดทราบว่ารหัสที่สร้างโดย Google Authenticator บางครั้งอาจไม่ได้รับการยอมรับเนื่องจากคุณสมบัติการทำงานของแอป หากต้องการแก้ไขปัญหานี้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่าโซนเวลาของอุปกรณ์ของคุณเป็นแบบอัตโนมัติ จากนั้น ปัดลงบนหน้าจอที่แสดงรหัสเพื่อให้ไอคอนรูปเมฆในแถบค้นหากะพริบและการเชื่อมต่อกับบัญชี Google ของคุณได้รับการรีเฟรช

หมายเหตุ! หากคุณสูญเสียการเข้าถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Google Authenticator คุณจะไม่สามารถเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ลูกค้าของคุณได้อีกต่อไป หากสิ่งนี้เกิดขึ้น กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเราด้วยวิธีการที่สะดวกที่สุด

คุณสามารถเติมเงินเข้าบัญชีของคุณผ่าน โปรไฟล์ลูกค้า โดยใช้ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิส์ที่ขึ้นแสดงในหน้าเดียวกัน

การเติมเงินเข้าบัญชีของคุณผ่านบัตร คุณสามารถใช้ระบบชำระเงินตัวกลางได้หลายวิธี รวมทั้งคุณสามารถฝากเงินเข้าบัญชีของคุณผ่านระบบการโอนเงินของธนาคารได้ หากต้องการให้เลือกวิธีด้านบน คลิกที่ปุ่ม "การเงิน" ในโปรไฟล์ลูกค้า และเลือกตัวเลือก "บัตรธนาคาร"

กรุณารับทราบกฎระเบียบของบริษัทฯ สำหรับการฝากและการถอนเงินจากบัญชีเทรด กฎเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินการและเพื่อรักษาความปลอดภัยของเงินทุน การถอนเงินทุนสามารถดำเนินการได้เฉพาะกับกระเป๋าเงินเดียวกันและในสกุลเงินเดียวกันเท่านั้น ซึ่งได้ใช้ในการเติมเงิน หมายความว่าถ้าคุณเติมเงินของคุณโดยใช้ Skrill คุณสามารถถอนเงินได้เฉพาะกระเป๋าเงิน Skrill หากคุณต้องการที่จะใช้ระบบถอนเงินที่แตกต่างกัน คุณต้องฝากเงินเข้าด้วยกระเป๋าเงินใหม่ และคุณจะสามารถถอนเงินเข้าทั้งสองกระเป๋าได้ตามสัดส่วน กฎข้อนี้เป็นไปตาม AML policy โปรดทราบว่าการทำธุรกรรมน้อยกว่า 1 ดอลลาร์จะไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ประกอบการของเรา

ฝ่ายการเงินทำงาน 24/5 เริ่มตั้งแต่ 22:00 น. วันอาทิตย์ถึง 22:00 น. วันศุกร์

เวลาเซิร์ฟเวอร์ซื้อขาย ดูหน้า 4.16

หากคุณใช้ โปรไฟล์ลูกค้า เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ โปรดทราบว่าการฝากเงินโดยตรงเข้าในกระเป๋าเงินของเราไม่ใช่การฝากเงินอัตโนมัติ หลังจากฝากเงินแล้ว คุณต้องติดต่อฝ่ายการเงินของ LiteFinance และแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับการฝากเงิน

คุณสามารถติดต่อกับผู้จัดการของเราได้ผ่านทาง แชทสด หรือทางอีเมลที่ [email protected] คำขอของคุณต้องประกอบด้วยสิ่งดังต่อไปนี้:

• วันที่และเวลาโดยประมาณของการโอนเงินของคุณ
• จำนวนเงินที่แน่นอน
• ID ของกระเป๋าเงินของคุณ
• ID ของกระเป๋าเงินที่คุณโอนเงินไป
• หมายเลขบัญชีซื้อขายที่ต้องโอนเงินเข้า

โปรดทราบว่าการโอนเงินจากกระเป๋าเงินไปยังกระเป๋าเงินนั้นไม่ได้เป็นไปโดยอัตโนมัติและต้องใช้เวลาในการดำเนินการมากขึ้น โปรดเติมเงินในบัญชีของคุณผ่านโปรไฟล์ลูกค้าเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า

สำหรับการไม่พบเงินฝาก คุณต้องติดต่อ ฝ่ายการเงิน โดยใช้วิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับคุณและให้ข้อมูลต่อไปนี้

- หมายเลขบัญชีเทรดของคุณ;

- หมายเลขหรือ ID ของ Wallet ในระบบการชำระเงินที่ใช้ในการโอนเงิน;

- จำนวนเงินที่โอน;

- วันที่และเวลาที่แน่นอนกับโซนเวลา;

- หมายเลขการทำธุรกรรม (ถ้ามี)

มีหลายสาเหตุที่คำขอถอนเงินของคุณได้ถูกยกเลิก:

- นโยบายการฟอกเงินเป็นการละเมิด

- การถอนเงินได้ร้องขอผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่แตกต่างจากระบบการชำระเงินที่ได้ฝากเงิน

- กระเป๋าเงินที่ใช้ทำการฝากเงินเข้าบัญชีเทรดของคุณแตกต่างกับกระเป๋าทำการถอนเงิน

- ส่วนสาเหตุอื่นๆ กรุณาติดต่อฝ่ายการเงินใช้วิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับคุณ

หากคุณสามารถฝากเงินในสกุลเงินประจำชาติในประเทศของคุณผ่านตัวแทนในพื้นที่ คุณสามารถดูอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันและอัตราแลกเปลี่ยนค่าคอมมิชชั่นได้ในส่วน 'การเงิน/การฝากเงินในท้องถิ่น' ของโปรไฟล์ลูกค้า เริ่มป้อนจำนวนเงินฝากในสกุลเงินของคุณในช่อง 'จำนวนเงินที่ชำระ' แล้วคุณจะเห็นจำนวนเงินที่จะฝากเข้าบัญชีของคุณด้านล่าง

หากสกุลเงินฝากแตกต่างจากสกุลเงินที่ชำระด้วยการโอน อัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดโดยธนาคารของคุณจะถูกนำไปใช้กับการโอนเงินผ่านธนาคารในสกุลเงินของประเทศของคุณ คุณจะเห็นจำนวนเงินที่จะฝากเข้าบัญชีของคุณโดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน

บริษัทจะคืนเงินค่าคอมมิชชั่นของระบบการชำระเงินไปยังยอดคงเหลือในบัญชีซื้อขายของคุณโดยอัตโนมัติหลังจากที่คุณทำการฝากเงิน

แฮชของธุรกรรมเป็นตัวระบุเฉพาะที่พิสูจน์ว่าธุรกรรมนั้นได้รับการตรวจสอบและเพิ่มลงในบล็อกเชน แผนกการเงินของ LiteFinance บางครั้งอาจขอให้คุณส่งแฮชหลังการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลเพื่อค้นหาเงิน

เว็บไซต์ที่เรียกว่า "Block Explorer" ช่วยให้เราสามารถค้นหาแฮชของธุรกรรมและดูบัญชีแยกประเภทของบล็อกเชน โปรดทราบว่าคุณต้องใช้ตัวสำรวจบล็อกที่ถูกต้อง มิฉะนั้น คุณจะไม่พบแฮชธุรกรรมของคุณ หรือข้อมูลจะไม่ถูกต้อง

โปรดทำตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อค้นหารหัสธุรกรรมของคุณ

1. เลือกผู้สังเกตการณ์บล็อกสำหรับบล็อกเชนของคุณ:

   • BTC: https://www.blockchain.com/
   • ETH: https://etherscan.io/
   • LTC: https://live.blockcypher.com/
   • BCH: https://bch.btc.com/
   • XRP: https://xrpscan.com/
   • TRX: https://tronscan.org/
2. ป้อนหมายเลขกระเป๋าเงินของคุณบนเว็บไซต์
3. ค้นหาการชำระเงินของคุณในรายการธุรกรรมและไปที่รายละเอียด คัดลอกเนื้อหาของพารามิเตอร์ "Hash" และส่งแชทสนับสนุนที่ LiteFinance

ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าทำงาน 24/5 ตั้งแต่ 00:00 น. วันจันทร์ ถึง 23:59 น. วันศุกร์

ฝ่ายการเงินทำงาน 24/5 เริ่มตั้งแต่ 22:00 น. วันอาทิตย์ถึง 22:00 น. วันศุกร์

ฝ่ายการซื้อขายทำงาน 24/5 เริ่มตั้งแต่ 00:00 น. วันจันทร์ ถึง 23:59 น. วันศุกร์

เวลาเซิร์ฟเวอร์ซื้อขาย ดูหน้า 4.16

สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และดัชนีหุ้นจะถูกเสนอราคาในระหว่างเซสชัน ตารางเซสชันขึ้นอยู่กับตลาดหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายตราสารที่กำหนด โปรดดูเว็บไซต์ของ LiteFinance สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติม นอกจากนี้ คุณสามารถเลือกเครื่องมือการซื้อขายใดก็ได้ในส่วน "การซื้อขาย" ของโปรไฟล์ลูกค้า และตรวจสอบกำหนดการเสนอราคารายวันสำหรับตราสารนี้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตรวจสอบกราฟเซสชันการซื้อขายน้ำมันได้ที่นี่

ข้อมูลเกี่ยวกับโบนัสและโปรโมชั่นทั้งหมดของบริษัท LiteFinance สามารถดูได้ที่ https://www.litefinance.org/th/promo/bonuses/.

ข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันทั้งหมดที่จัดขึ้นโดยบริษัท LiteFinance สามารถดูได้ที่ https://www.litefinance.org/th/contests/.

LiteFinance ให้บริการบัญชีเทรดประเภท CLASSIC และ ECN โดยบัญชีทั้งสองประเภทขึ้นอยู่กับพื้นฐานการดำเนินการตลาด

กรุณาตรวจสอบ คำอธิบายโดยละเอียด ของประเภทบัญชี

บัญชีทดลอง (Demo) เหมาะสำหรับลูกค้าต้องการทำความรู้จักกับตลาดฟอเร็ก บัญชีนี้ไม่ต้องทำการฝาก แต่ผลกำไรในการเทรดไม่สามารถถอนได้ เงื่อนไขการทำงานของบัญชีทดลองเหมือนกับเงื่อนไขการทำงานของบัญชีจริง ขั้นตอนการธุรกรรมอันเดียวกัน กฎการขอราคาอันเดียวกัน พารามิเตอร์เดียวกันในการเปิดตำแหน่งซื้อขาย

คลิกที่ชื่อของคุณในโปรไฟล์ลูกค้า ที่ด้านบนและตรวจดูให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้โหมดทดลองในการเทรดแล้ว จากนั้นไปที่ส่วน " Metatrader " คลิกปุ่ม "เปิดบัญชี" และเลือกพารามิเตอร์บัญชีจากรายการแบบเลื่อนลง

โปรดทราบว่าบัญชีทดลองทุกประเภทใช้งานได้ 45 วัน ตัวนับจะอัปเดตทุกครั้งที่คุณเข้าสู่บัญชีทดลองของคุณโดยใช้แพลตฟอร์มการซื้อขาย ตัวนับจะไม่อัปเดตหากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีทดลองของคุณผ่านทางเว็บเทอร์มินัลในโปรไฟล์ลูกค้า ยอดคงเหลือและการดำเนินการซื้อขายในบัญชีทดลองก็ไม่ได้ขยายอายุการใช้งานเช่นกัน

หากคุณได้เปิดบัญชีทดลองผ่านทางโปรไฟล์ลูกค้า (โปรไฟล์ส่วนตัวของคุณกับบริษัท LiteFinance) คุณสามารถใช้ตัวเลือกการเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ ถ้าต้องการเปลี่ยนรหัสผ่านของเทรดเดอร์ โปรดเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ของลูกค้าให้ไปที่ "" Metatrader แล้วคลิก "แก้ไข" ในคอลัมน์ "รหัสผ่าน" ของบัญชีที่เกี่ยวข้อง ป้อนรหัสผ่านใหม่สองครั้งในหน้าที่เปิดขึ้น คุณไม่ต้องรู้รหัสผ่านล่าสุดของเทรดเดอร์ก็สามารถทำการนี้ได้

นอกจากนี้ เมื่อเปิดบัญชีใหม่บริษัทจะส่งจดหมายที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบบัญชีและรหัสผ่านไปยังอีเมลลูกค้า

หากคุณเปิดบัญชีทดลองผ่านทางเทอมินัลเทรดโดยตรง และจดหมายที่มีข้อมูลการลงทะเบียนถูกลบออกจากกล่องจดหมายของคุณ จะต้องทำการเปิดบัญชีทดลองใหม่ เพราะไม่สามารถกู้คืนหรือเปลี่ยนรหัสผ่านจากบัญชีทดลองที่ไม่ได้เปิดผ่านโปรไฟล์ลูกค้า

การเติมเงินเข้าบัญชีทดลองที่สร้างผ่านโปรไฟล์ลูกค้า กรุณาคลิกที่ชื่อของคุณที่ด้านบนและตรวจสอบว่าบัญชีทดลองเปิดใช้งานได้อยู่ หลังจากนั้นไปที่ "เทรด" แล้วคลิก "ฝากเงิน" ตรงมุมขวาล่างกรอกจำนวนเงินฝากเป็นดอลลาร์และคลิก "ฝากเงิน"

บัญชีอิสลาม เป็นบัญชีที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินเปิดตำแหน่งถึงวันถัดไป บัญชีประเภทนี้สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการจ่ายดอกเบี้ยเนื่องจากความเชื่อทางศาสนา อีกชื่อหนึ่งของบัญชีประเภทนี้คือ "บัญชีไม่มีค่าสวอป"

ใช่ บริษัทของเราให้บริการดังกล่าว ในการเปิดบัญชีอิสลาม ให้คลิกที่ชื่อของคุณที่ด้านบนของหน้าแล้วเลือก "โปรไฟล์ของฉัน" และ "การยืนยัน" ค้นหาช่อง "ลงทะเบียนบัญชีอิสลาม" และคลิกที่ปุ่ม "กรอก" อ่านเงื่อนไขการให้บริการบัญชีอิสลาม ยอมรับเงื่อนไขและคลิกที่ปุ่ม "ส่ง"

โปรดทราบว่าใบสมัครของคุณไม่ได้รับประกันว่าบัญชีของคุณจะถูกโอนไปยังหมวดบัญชีอิสลาม เพราะบริษัทได้ให้สิทธิ์การเข้าถึงบริการตามดุลยพินิจ

เลเวอเรจเครดิต เป็นอัตราส่วนระหว่างเงินฝากและจัดสรรยืมเงินทุน เช่น 1:100 1:200 1:500 และ 1:1000 เลเวอเรจเครดิต 1:100 หมายความว่าคุณจะต้องมีจำนวนเงินในบัญชีเทรดซึ่งน้อยกว่า 100 เท่า ที่ต้องการเปิดคำสั่ง

ขนาดของเลเวอเรจนี้มีให้บริการกับลูกค้าของ LiteFinance ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีของลูกค้า

จาก 1:1 ถึง 1:500 ในบัญชีคลาสสิค

จาก 1:1 ถึง 1:1000 ในบัญชี ECN

เมื่อเปิดบัญชีเทรด คุณสามารถเลือกขนาดของเลเวอเรจได้และสามารถทำการเปลี่ยนขนาดได้โดยผ่านทางโปรไฟล์ลูกค้าจากการใช้งานตัวเลือกที่เหมือนกันใน "Metatrader" ขั้นตอนนี้คุณไม่ต้องการให้คุณปิดคำสั่งซื้อที่เปิดหรือที่รอดำเนินการอยู่

ที่หน้าเดสท็อปคลิกปุ่ม Start –> Run จากนั้นพิมพ์ ‘mstsc’ และกด OK (หรือคลิกปุ่ม Start และเลือก "All programs" "Accessories" และ "Connect to remote desktop") จากนั้นใส่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ซึ่งหลังจากคำขอ VPS ของคุณได้รับการอนุมัติจะได้รับในอีเมล์ และกดปุ่ม "Connect" ในฟอร์มซึ่งจะปรากฏให้ลงชื่อเข้าระบบและรหัสผ่านที่ได้รับทางอีเมล

คุณสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์ได้หลายตัวในคอมพิวเตอร์ของคุณ (หมายถึง คุณสามารถใช้อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับ PC) รวมถึงเครื่องพิมพ์ ไดร์ฟ USB และคลิปบอร์ด เปิด Remote Desktop Connection คลิก Options และจากนั้นกดไปที่แถบ Local Resources ในกลุ่มอุปกรณ์และทรัพยากร เลือกอุปกรณ์หรือทรัพยากรที่คุณต้องการ เพื่อดูอุปกรณ์เพิ่มเติมหรือเชื่อมโยงอุปกรณ์ปลั๊กแอนด์เพล์ (Plug and Play) หรือไดร์ฟและอุปกรณ์ที่คุณต้องการเสียบภายหลัง คลิกเพิ่มเติม วางธงติดกับอุปกรณ์ที่คุณต้องการโยง

ในหน้าจอให้คลิกปุ่ม Start –> Run จากนั้นพิมพ์ ‘mstsc’ กด OK (หรือคลิกปุ่ม Start เลือก "All programs" "Accessories" และ "Connect to remote desktop") คลิก "Options" จากนั้นคลิกแถบ "Display" ในการตั้งค่าของ "Display configuration" คุณสามารเปลี่ยนการแสดงผลของ "Remote Desktop Connection" โดยเลื่อนจาก "Small to Large" เลื่อน "Slider" เพื่อให้ใหญ่ขึ้น หน้าการตั้งค่าจะตั้งเป็น "Full Screen" โดยอัตโนมัติ

LiteFinance ไม่ใช่บริษัทด้านการศึกษา อย่างไรก็ตามเราสามารถแนะนำการหางานเขียนด้วย 4 วิธีดังนี้:

1) ไปที่ร้านหนังสือเฉพาะ

2) สามารถหางานเขียนจำนวนมากได้ในอินเตอร์เน็ต แค่ใช้เครื่องมือค้นหาและคุณจะพบหนังสือมากมายที่เขียนโดยผู้เขียนที่แตกต่างกัน

3) มีบางฟอรั่มพิเศษเกี่ยวกับตลาด Forex ซึ่งสามารถให้ข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นประโยช์แก่คุณ

4) บนเว็บไซต์ของเรา https://www.litefinance.org/th/beginners/ คุณสามารถหาข้อมูลสำหรับผู้เริ่มต้นได้

ดัชนี LiteFinance หรือดัชนีสกุลเงิน LFX เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญของ LiteFinance เพื่อบ่งชี้ถึงอิทธิพลของสกุลเงินหนึ่งๆ ในตะกร้าสกุลเงินหลัก

ตัวอย่างเช่น สูตรคำนวณดัชนี USDLFX แสดงอัตราส่วนของดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตะกร้าสกุลเงินหลัก เช่น ยูโร (EUR) ปอนด์อังกฤษ (GBP) ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ฟรังก์สวิส (CHF) และเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY)

ดัชนีอื่นๆ คำนวณโดยใช้สูตรที่ระบุข้างต้นได้แก่

EURLFX = USDLFX*EURUSD - ดัชนียูโร

GBPLFX = USDLFX*GBPUSD - ดัชนีปอนด์อังกฤษ

AUDLFX = USDLFX*AUDUSD – ดัชนีดอลลาร์ออสเตรเลีย

NZDLFX = USDLFX*NZDUSD – ดัชนีดอลลาร์นิวซีแลนด์

CADLFX = USDLFX/USDCAD – ดัชนีดอลลาร์แคนาดา

CHFLFX = USDLFX/USDCHF – ดัชนีฟรังก์สวิส

LFXJPY = USDJPY/USDLFX – ดัชนีเงินเยนญี่ปุ่น

ตราสารกลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อขายได้ ดัชนีสกุลเงินของ LiteFinance ให้โอกาสในการวิเคราะห์ตลาดอย่างลึกซึ้งและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และได้รับการพัฒนาเพื่อลดความไม่แน่นอนในการตัดสินใจ เนื่องจากดัชนีดังกล่าววัดความเกี่ยวข้องของข่าวการเงินและเศรษฐกิจและผลกระทบต่อสกุลเงินหลักได้ค่อนข้างแม่นยำ

VIX เป็นสัญลักษณ์สำหรับดัชนีความผันผวนของการแลกเปลี่ยนตัวเลือกคณะกรรมการชิคาโก (CBOE) นี่เป็นการวัดความนิยมในการคาดการณ์ความผันผวนของตลาดหุ้นตามตัวที่เลือกดัชนี S&P 500 VIX คำนวณและจัดให้บริการโดยการแลกเปลี่ยน CBOE แบบเรียลไทม์ บางครั้งก็เรียกกันว่า "ดัชนีความกลัว" หรือ "มาตรวัดความกลัว"

LiteFinance จัดทำดัชนีความผันผวน VIX เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์; มันไม่สามารถใช้ได้สําหรับการซื้อขาย คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีการทำงานของ VIX และวิธีการใช้ในการซื้อขายได้ในบล็อกของเรา

โบนัสที่ไม่สามารถซื้อขายได้จะถูกหักออกโดยอัตโนมัติเมื่อการขาดทุนแบบลอยตัวในบัญชีซื้อขายเท่ากับเงินของคุณเอง โดยไม่รวมจำนวนโบนัส ตัวอย่างเช่น คุณจะได้รับโบนัส 100% .จากการฝากเงิน $100 ทำให้มีเงินทั้งหมด $200 ในบัญชีของคุณ หากมีการขาดทุนแบบลอยตัวในบัญชี โบนัสจะถูกหักออกเมื่อการขาดทุนแบบลอยตัวถึงอย่างน้อยลบ $100 หลังจากนั้น อาจเกิด Stop Out (ดู {num}) หากการขาดทุนแบบลอยตัวยังคงเพิ่มขึ้น

โบนัสที่สามารถซื้อขายได้จะถูกหักออกเฉพาะในกรณีที่เกิด Stop Out เท่านั้น ดังนั้นจึงรักษาการ Drawdown ไว้ได้

หากต้องการรับที่อยู่ IP ของศูนย์ข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อเทอร์มินัล โปรดติดต่อ แชทออนไลน์ และแจ้งชื่อบัญชีแบบเต็มและประเทศที่คุณพยายามเชื่อมต่อ ตัวอย่างเช่น บัญชี MT4-R-12345, บราซิล

ในขณะนี้ ทางบริษัทมีสามเทอร์มินอลสำหรับการเทรดทั้งบนเซิร์ฟเวอร์ทดลองและบัญชีจริงดังนี้ MetaTrader 4 (MT4) MetaTrader 5 (MT5) และเว็บเทอร์มินอลในโปรไฟล์ลูกค้าที่สามารถใช้งานได้ทุกประเภทบัญชี

นอกจากเทอร์มินอลพื้นฐานสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows แล้ว เรายังมีเทอมินอลบริการสำหรับ Android iPhones และ iPads คุณสามารถดาวน์โหลด เวอร์ชั่นใดก็ได้ ของเทอร์มินอล เว็บเทอมินอลในโปรไฟล์ลูกค้า LiteFinance จะปรับให้เหมาะกับทุกอุปกรณ์และสามารถเปิดได้ในทุกเบราเซอร์ทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่

F1 - คู่มือผู้ใช้เทอมินัล

Ctrl + T - เปิด/ปิดหน้าต่างเทอมินอล ในหน้าต่าง Metatrader

Ctrl + O - เปิดหน้าต่างการตั้งค่าเทอมินอลที่คุณสามารถป้อนข้อมูลสำหรับอนุญาตและตั้งค่าตัวเลือกอื่นๆ ของโปรแกรม

Ctrl + N - เปิดหน้าต่างนำทาง

Ctrl + Y - แสดงตัวแบ่งระยะเวลาบนชาร์ต

Ctrl + L - แสดงปริมาณบนชาร์ต

คุณสามารถหาคู่มือผู้ใช้ในเทอมินอลด้วยตัวเอง แค่กด F1 เพื่อดูทันทีหลังจากเปิดเทอมินอล ฟอรั่มนักพัฒนาตั้งอยู่ที่ https://www.mql5.com/.

Stop Loss (หยุดขาดทุน) ใช้สำหรับลดความสูญเสีย ถ้าราคาหลักทรัพย์เริ่มเคลื่อนที่ในทิศทางที่ไม่ทำกำไร ถ้าราคาหลักทรัพย์ถึงระดับนี้ตำแหน่งจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ คำสั่งหยุดขาดทุนดังกล่าวได้เชื่อมต่อกับตำแหน่งที่เปิดหรือคำสั่งรอดำเนินการเสมอ เทอมินอลตรวจสอบตำแหน่ง Long ด้วยราคา Bid (คำสั่งควรตั้งต่ำกว่าราคา Bid ปัจจุบันตลอด) และราคา Ask สำหรับการตำแหน่ง Short (คำสั่งควรตั้งสูงกว่าราคา Ask ปัจจุบันตลอด) คำสั่ง Take Profit (รับกำไร) มีไว้สำหรับรับผลกำไรเมื่อราคาหลักทรัพย์ถึงระดับที่ตั้งไว้ การดำเนินการตามคำสั่งนี้ส่งผลให้ปิดตำแหน่ง จะเชื่อมต่อกับตำแหน่งเปิดหรือคำสั่งที่รอดำเนินการเสมอ คำสั่งจะถูกขอได้เฉพาะในตลาดเดียวกันหรือคำสั่งรอดำเนินการเหมือนกัน เทอมินอลตรวจสอบตำแหน่ง Long ด้วยราคา Bid (คำสั่งควรตั้งสูงกว่าราคา Bid ปัจจุบันเสมอ) และจะตรวจสอบตำแหน่ง Short ด้วยราคา Ask (คำสั่งควรตั้งต่ำกว่าราคา Ask ปัจจุบันตลอด) ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเปิดตำแหน่ง Long (คำสั่งซื้อ) จะเปิดที่ราคา Ask และจะปิดที่ราคา Bid ในกรณีนี้ คำสั่ง S/L (Stop Loss) จะตั้งต่ำกว่าราคา Bid ส่วน T/P (Take Profit) คำสั้งจะตั้งสูงกว่าราคา Ask เมื่อเราเปิดตำแหน่ง Short (คำสั่งขาย) จะเปิดที่ราคา Bid และจะปิดที่ราคา Ask ในกรณีนี้ คำสั่้ง S/L (Stop Loss) จะตั้งสูงกว่าราคา Ask ส่วน T/P (Take Profit) คำสั้งจะตั้งต่ำกว่าราคา Bid สมมติว่า เราต้องการซื้อ 1.0 ลอต ใน EUR/USD เราต้องสั่งซื้อใหม่และดูราคา Bid/Ask เลือกคู่สกุลเงินและจำนวนลอต ตั้งค่า S/L และ T/P (ถ้าต้องการ) และคลิกซื้อ เราซื้อราคา Ask ที่ 1.2453 ตามลำดับ ส่วนราคา Bid อยู่ที่ 1.2450 (สเปรดคือ 3 pips) S/L สามารถตั้งอยู่ที่ 1.2450 ถ้าอยู่ที่ 1.2400 หมายความว่า Bid ถึง 1.2400 ตำแหน่งจะถูกปิดอัตโนมัติพร้อมขาดทุน 53 pips T/P สามารถตั้งอยู่ที่ 1.2453 ถ้าเราตั้งอยู่ที่ 1.2500 หมายความว่าถ้า Bid ถึง 1.2500 ตำแหน่งก็จะถูกปิดอัตโนมัติพร้อมกำไร 47 pips

คำถามนี้มักจะเกิดขึ้นสำหรับผู้เริ่มต้นในตำแหน่งที่ Sell จะเกิดขึ้นเพราะเทรดเดอร์ที่ไม่ได้ใช้สเปรดเข้าสู่การพิจารณา คำสั่ง Sell เปิดที่ราคา Bid ในชาร์ตก็จะแสดงราคานี้เหมือนกัน แต่คำสั่งปิดที่ราคา Ask ที่สูงกว่าราคา Bid โดยขนาดของสเปรด เพื่อแสดงราคา Ask ให้กดปุ่ม F8 ในหน้าต่างชาร์ตและในแถบ General คลิกที่ "Show Ask line"

คำสั่งเหล่านี้เป็นการเตือนเมื่อราคาถึงค่าที่ตั้งไว้ซึ่งระบุในคำสั่ง คำสั่ง Limit (Buy Limit / Sell Limit) จะถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อตลาดมีการเทรดในราคาที่ระบุไว้ในคำสั่งหรือมีราคาที่สูงกว่า Buy Limit จะตั้งไว้ต่ำกว่าราคาตลาด ในขณะ Sell Limit จะตั้งไว้สูงกว่าราคาตลาด คำสั่ง Stop (Buy Stop / Sell Stop)จะถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อตลาดมีการเทรดในราคาที่ระบุไว้ในคำสั่งหรือมีราคาที่ต่ำกว่า Buy Stop จะตั้งไว้สูงกว่าราคาตลาด ในขณะ Sell Stop จะอยู่ต่ำกว่าราคาในตลาด

สำหรับทุกคู่สกุลเงิน สถานะราคาในคำสั่งจะต้องแตกต่างราคาตลาดปัจจุบัน "Bid" หรือ "Ask" ขนาดของสเปรดจะน้อยที่สุดสำหรับคู่เงินนี้ขึ้นอยู่กับทิศทางของตำแหน่ง คุณไม่สามารถวางคำสั่งรอ S/L หรือ T/P ใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบันซึ่งระบุไว้ใน "การเทรดตราสาร" ในคอลัมน์ Stop&Limit"

"ปริมาณ (Volume)" คือขนาดของการสั่งซื้อมีหน่วยวัดเป็น "ลอต (lots)" ขนาดของ lot สำหรับการเทรดตราสารแต่ละตัว แสดงในส่วน "การเทรดตราสาร" ปริมาณที่คุณสามารถใช้เมื่อเข้าสู่ตลาด สามารถคำนวณได้ด้วย "เครื่องคำนวณเทรดเดอร์".

ถ้า ปุ่ม "New order" ใช้งานไม่ได้ ก็หมายความว่าคุณต้องเข้าสู่บัญชีโดยใช้รหัสผ่านนักลงทุน เข้าสู่การเทรดในบัญชีเทรดโดยใช้รหัสผ่านเทรดเดอร์ รหัสผ่านเทรดเดอร์ใช้เข้าระบบบัญชีเทรดและช่วยคุณจัดการบัญชี คุณสามารถเปิด ปิด หรือแก้ไขตำแหน่งต่างๆ ได้โดยใช้รหัสผ่านเทรดเดอร์เท่านั้น รหัสผ่านนักลงทุนใช้ในการดูบัญชี ดังนั้นคุณสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีเทรดและสามารถดูได้ แต่ไม่สามารถเปิด ปิด หรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดๆได้

สาเหตุที่เป็นไปได้ดังนี้

1) คุณอาจจะเข้าสู่ระบบที่ไม่ถูกต้อง โปรดทราบว่าตัวเลขของหมายเลขบัญชีสามารถเข้าสู่ระบบได้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าหมายเลขบัญชีเป็น MT4-R-12345 เข้าสู่ระบบจะเป็น 12345

2) คุณได้ใช้รหัสผ่านที่ไม่ถูกต้อง กรุณาตรวจสอบรหัสผ่านของคุณ ถ้าคุณลืมรหัสผ่านเทรดเดอร์ คุณสามารถเปลี่ยนได้ในโปรไฟล์ของลูกค้า ดูย่อหน้า 1.19

3) บางที บัญชีของคุณอาจไม่มีการเคลื่อนไหวและถูกลบไปแล้ว โปรดดูย่อหน้า 1.23

สาเหตุที่เป็นได้ดังนี้

• คุณใช้ผิดเซิร์ฟเวอร์เมื่อพยายามเชื่อมต่อกับบัญชีเทรด ลองเชื่อมต่อบัญชีเทรดของคุณด้วยที่อยู่ IP แทนชื่อเซิร์ฟเวอร์

หากต้องการรับที่อยู่ IP ของศูนย์ข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อเทอร์มินัล โปรดติดต่อ แชทออนไลน์ และแจ้งชื่อบัญชีแบบเต็มและประเทศที่คุณพยายามเชื่อมต่อ ตัวอย่างเช่น บัญชี MT4-R-12345, บราซิล

• ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
• เป็นไปได้ว่าคุณกำลังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเซิร์ฟเวอร์พร็อกซี หากคุณใช้เครือข่ายขององค์กร ซึ่งน่าจะเป็นกรณีนี้ คุณจำเป็นต้องตรวจสอบกับผู้ดูแลระบบที่อยู่พร็อกซีและพอร์ตที่คุณใช้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จากนั้นกรอกข้อมูลนี้ในการตั้งค่าเทอร์มินอล ("เครื่องมือ" / "ตัวเลือก" / "เซิร์ฟเวอร์" / เลือก "เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์พร็อกซี" / คลิกที่ปุ่ม "พร็อกซี" / กรอกที่อยู่ พอร์ตเซิร์ฟเวอร์พร็อกซี ชื่อเข้าใช้และรหัสผ่าน)
• โปรแกรมไฟร์วอลล์ (ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส) บล็อกเทอร์มินอลเทรด ซึ่ง Windows Firewall ถือเป็นโปรแกรมไฟร์วอลล์ ในกรณีนี้ คุณต้องเพิ่ม "MetaTrader" ลงในรายการโปรแกรมที่ได้รับอนุญาต

โปรดทราบ: หากต้องการดำเนินการตามขั้นตอนด้านล่าง คุณจะต้องรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์และเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ เนื่องจากคุณจะต้องพิมพ์คำสั่งที่พรอมต์คำสั่ง คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด คำแนะนำเหล่านี้มีไว้สำหรับผู้ใช้พีซี หากคุณเป็นผู้ใช้ MAC โปรดดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการล้างแคช DNS ที่เว็บไซต์ของ Apple

เมื่อคุณใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ คอมพิวเตอร์ของคุณจะแคชที่อยู่ IP และข้อมูลระบบชื่อโดเมน (DNS) อื่นๆ โดยอัตโนมัติ การล้างแคชจะช่วยอัปเดตข้อมูลที่จัดเก็บไว้และลบข้อมูลที่ล้าสมัยซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการเชื่อมต่อได้

Windows 10

1. กดปุ่ม Windows ค้างไว้แล้วกด X
2. เลือก “พรอมต์คำสั่ง (ผู้ดูแลระบบ)”
3. พิมพ์ ipconfig/flushdns แล้วกด Enter
4. พิมพ์ ipconfig /registerdns แล้วกด Enter
5. พิมพ์ ipconfig /release แล้วกด Enter
6. พิมพ์ ipconfig /renew แล้วกด Enter
7. พิมพ์ netsh winsock reset แล้วกด Enter
8. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

Windows 7 และ Windows 8

1. ไปที่เดสก์ท็อป
2. กดปุ่ม Windows ค้างไว้แล้วกด R (เพื่อเปิดหน้าต่างโต้ตอบ “Run”)
3. พิมพ์ cmd แล้วกด Enter พรอมต์คำสั่งจะเปิดขึ้น
4. พิมพ์ ipconfig /flushdns แล้วกด Enter
5. พิมพ์ ipconfig /registerdns แล้วกด Enter
6. พิมพ์ ipconfig /release แล้วกด Enter
7. พิมพ์ ipconfig /renew แล้วกด Enter
8. พิมพ์ netsh winsock reset แล้วกด Enter
9. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

หน้าต่าง "Market Watch" แสดงเวลาเทอมินอล เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเวลา ซึ่งจะตรงกับ GMT+3 ในช่วงเวลาตั้งแต่วันอาทิตย์สุดท้ายในเดือนมีนาคมจนถึงวันอาทิตย์สุดท้ายในเดือนตุลาคม สำหรับส่วนที่เหลือของเวลาจะตรงกับ GMT+2

ข้อความ "Trade stream busy" จะแสดงในกรณีที่การพยายามดำเนินการเทรดไม่สำเร็จ (ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณส่งคำสั่งเทรดใหม่ก่อนที่จะได้รับผลการดำเนินก่อนหน้านี้) มันสามารถเกิดขึ้นเนื่องจากการหยุดเชื่อมต่อชั่วคราวของเซิร์ฟเวอร์เทรด ในกรณีนี้คำสั่งใหม่ของคุณอยู่ในคิวของเทอมินอลลูกค้า และข้อความนี้จะแสดงขึ้นเมื่อพยายามที่จะดำเนินการอื่นๆ คำสั่งลบรายการคำร้องคือเพียงแค่รีสตาร์ทเทอมินอลใหม่’.

หากประวัติบัญชีได้หายไป คุณจะต้องทำการนี้
1. ตรวจสอบวันที่ของระบบสำหรับความถูกต้อง
2. คลิกขวาบนแถบ "ประวัติบัญชี" และเลือก " ประวัติทั้งหมด " นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกประวัติของระยะเวลาที่คุณสนใจได้อีกด้วย

คุณสามารถคำนวณด้วย เครื่องคำนวณเทรดเดอร์ กำหนดสูตรการคำนวณเป็นดังนี้

ราคาของจุดในสกุลเงินของเงินฝาก

(Cross-rate ของค่าสกุลเงินในคำสั่งเป็น USD) х (ปริมาณคำสั่งในลอต) х 100000 х (จุด) / (เรทปัจจุบัน)

ที่ทำการธุรกรรมสกุลเงินเป็นสกุลเงินแรกในคู่

ตัวอย่างเช่น
EURJPY=162,30; EURUSD=1,4344;
ราคาของจุด (EURJPY) = 1.4344 х 1 х 100000 х 0.01 / 162.3 = 8.83

ราคาต้นทุนของจุดสำหรับ CFD
ปริมาณ (จำนวนลอต ) х ขนาดสัญญา х ค่าต่ำสุดของการเปลี่ยนแปลงราคา

จำนวนเงินมาร์จิ้นสามารถคำนวณได้ที่นี่ "เครื่องคำนวณเทรดเดอร์" สูตรการคำนวณมีดังนี้

ราคาฟอเร็กซ์โดยตรง:
มาร์จิ้น = ปริมาณการทำธุรกรรม X ขนาดลอต/เลเวอเรจ
ตัวอย่างเช่น มาร์จิ้น = 1x100000/200 = 500 (500 ยูโร) สำหรับUSDCAD 1 ลอต ด้วยเลเวอเรจ 1:200 สกุลแรกในคู่เงินคือ USD มาร์จิ้นที่ถูกคำนวณคือ USD ต้องแปลงตามสกุลเงินในบัญชี (ตัวอย่าง EUR) 500/1.11632 = 447.90024 EUR.

ราคาฟอเร็กซ์ทางอ้อม:
มาร์จิ้น=ปริมาณธุรกรรม*ขนาดสัญญา/เลเวอเรจ
นี่คือตัวอย่างการคำนวณสำหรับ AUDUSD 1 ล็อต โดยมีเลเวอเรจ 1:200:
มาร์จิ้น = 1*100,000/200 = 500 AUD เช่น มาร์จิ้นคือ 500 AUD
จากนั้น แปลงผลลัพธ์เป็นสกุลเงินของบัญชี
หากบัญชีเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้คูณด้วยราคาเปิดการซื้อขาย: 500*0.64002 = 320.01000 USD.
หากสกุลเงินของบัญชีคือยูโร ขั้นแรกให้คำนวณมาร์จิ้นเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นในตัวอย่างด้านบน จากนั้นให้แปลงผลลัพธ์เป็นยูโร:
320.01000 USD*1.11632 = 357.23356 EUR.

อัตราไขว้:
มาร์จิ้น=ปริมาณธุรกรรม*ขนาดสัญญา/เลเวอเรจ
ตัวอย่างเช่น มาร์จิ้น = 1x100000/200 = 500 GBP สำหรับ 1 GBPJPY ล็อตที่มีเลเวอเรจ 1:200
ค่ามาร์จิ้นจะแสดงเสมอในสกุลเงินฐาน (จะอยู่อันดับแรกในราคา)
จากนั้น แปลงผลลัพธ์เป็นสกุลเงินของบัญชี
หากบัญชีเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้คูณด้วยราคาเปิดการซื้อขาย:
500*1.32773 = 663.86500 USD.
หากสกุลเงินของบัญชีคือยูโร ขั้นแรกให้คำนวณมาร์จิ้นเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นในตัวอย่างด้านบน จากนั้นให้แปลงผลลัพธ์เป็นยูโร:
663.86500 USD*1.11632 = 741.08578 EUR.

ดัชนี
มาร์จิ้น=ปริมาณธุรกรรม x ขนาดสัญญา x ราคาปัจจุบัน x มาร์จิ้น%/100
ตัวอย่างเช่น สำหรับ 1 FTSE ล็อต ตามข้อกำหนด ขนาดสัญญา = 1, มาร์จิ้น = 1%, สกุลเงินมาร์จิ้น = GBP
โปรดทราบว่าก่อนอื่นคุณต้องตรวจสอบประเภทของการคำนวณมาร์จิ้นสำหรับดัชนีในข้อมูลจำเพาะของดัชนีเฉพาะ เนื่องจากขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสภาพคล่องและสามารถคำนวณได้เช่นเดียวกับ CFD
มาร์จิ้น = 1*1*8667.4*1/100=86.7 GBP แปลงเป็นสกุลเงินของบัญชี (ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ):
86.7*1.32773 = 115.1 USD.

CFD ของหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์:
มาร์จิ้น=ปริมาณธุรกรรม x ขนาดสัญญา x ราคาเปิด x มาร์จิ้น%/100
โปรดทราบว่าก่อนอื่นคุณต้องตรวจสอบประเภทของการคำนวณมาร์จิ้นน้ำมันในข้อกำหนดของตราสาร เพราะมันขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสภาพคล่องและอาจคำนวณเช่นเดียวกับดัชนี

สัญญาฟิวเจอร์ส
มาร์จิ้น = ปริมาณการทำธุรกรรม X จำนวนเงินมาร์จิ้นเริ่มแรก (Initial margin) X %มาร์จิ้น /100
จำนวนเงินมาร์จิ้นเริ่มแรกและเปอร์เซ็นต์มาร์จิ้นถูกระบุไว้ในข้อมูลเฉพาะของเครื่องมือทางการเงินในเทอร์มินอลการเทรด

ตำแหน่งจะถูกโอนไปยังวันถัดไปผ่านการบังคับปิดตำแหน่งนี้ในวันที่ระบุมูลค่าและการเปิดตำแหน่งเดียวกันพร้อมกันในวันที่กำหนดมูลค่าถัดไปในราคาที่สะท้อนถึงความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสองสกุลเงิน ขึ้นอยู่กับทิศทางของตำแหน่ง (ขายหรือซื้อ) ลูกค้าจะได้รับหรือชำระค่าธรรมเนียมการโอนย้าย (จากไม่กี่สิบของจุดจนถึงหลายจุด) เมื่อโอนตำแหน่งตั้งแต่วันพุธถึงวันพฤหัสบดี (ในวันที่คิดมูลค่า) ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ/เครดิตจะเพิ่มขึ้นสามเท่า

ทำไมลูกค้าต้องจ่ายหรือได้รับเงินสำหรับการคือครองตำแหน่ง?

ลูกค้าจ่ายเงินหรือได้รับเงินสำหรับการถือครองตำแหน่งถึงในวันถัดไป ในกรณีที่ลูกค้ายังเปิดบางตำแหน่งในการปิดของวันที่เทรด ความแตกต่างระหว่างอัตราธนาคารกลางของประเทศที่มีสกุลเงินที่ลูกค้าใช้เมื่อมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน

ความแตกต่างนี้ถูกสร้างขึ้นในจุดสวอป (Swap) หากลูกค้าได้ขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เขาจะจ่ายสำหรับการโอนตำแหน่ง ถ้าเขาได้ซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าโบรกเกอร์จะจ่ายเงินให้เขาสำหรับการโอนตำแหน่ง

ค่าธรรมเนียมการยกยอดนี้เรียกว่า "Swap" คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสวอปในฟอเร็กซ์ได้ในบล็อกของเรา

เมื่อโอนตำแหน่งตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันจันทร์ จำนวนเงินที่เรียกเก็บ/จ่ายจะเพิ่มขึ้นสามเท่า (จะต้องจ่ายค่าสวอปสามเท่า/เรียกเก็บในคืนวันพุธถึงวันพฤหัสบดี)

โดยทั่วไป ตำแหน่งระยะยาว คือคำสั่งรับกำไรได้ในหลายเดือนหรือเป็นปี การทำธุรกรรมระยะกลางคือคำสั่งรับกำไรที่คาดว่าจะได้ภายในสัปดาห์ หรือบ่อยครั้ง เดือน การทำธุรกรรมระยะสั้น มีการดำเนินงานซึ่งจะถึงเป้าหมายใน 1-3 สัปดาห์ คำนิยามสำหรับระยะของตำแหน่งได้รับการยอมรับในธนาคารและกองทุนการลงทุน และยังถูกใช้โดยนักวิเคราะห์การคาดการณ์ อย่างไรก็ตามเทรดเดอร์สามัญมีความหมายแตกต่างกันของการดำเนินการระยะยาวและระยะสั้น การทำธุรกรรม Intraday คือการทำธุรกรรมดำเนินการภายในวัน การเทรดภายในไม่กี่วันเรียกว่าระยะสั้น การดำเนินการระยะกลางจะดำเนินการในสัปดาห์ถัดไปหรือสองสัปดาห์ และการทำธุรกรรมระยะยาวมีการดำเนินการในเดือนถัดไปหรือสองเดือน คำนิยามนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและมีการใช้โดยผู้เล่นสามัญที่ฟอร์เร็กซ์

หากข้อกำหนดมาร์จิ้นเพื่อรักษาสถานะที่เปิดไว้น้อยกว่าจำนวนเงินโบนัส Stop Out จะเกิดขึ้นทันทีที่ระดับ Equity ลดลงจนถึงระดับความต้องการมาร์จิ้น

หากมาร์จิ้นต้องการ รักษาตำแหน่งที่เปิดอยู่ให้สูงกว่าหรือเท่ากับผลรวมของเงินโบนัส Stop Out จะเกิดขึ้นทันทีที่ระดับ Equity ถึงระดับเงินโบนัส หรือทันทีที่ระดับมาร์จิ้นถึงมูลค่า 20% (50% สำหรับบัญชี CENT)

สถานะปัจจุบันของบัญชีถูกควบคุมโดยเซิร์ฟเวอร์ที่สร้างคำสั่งให้ปิดตำแหน่งในกรณีที่เกิด Credit Stop Out Credit Stop Out ดำเนินการที่ราคาตลาดปัจจุบันตามลำดับก่อนหลัง

เมื่อคุณตั้งค่า " training stop " (ตัวอย่างเช่น สำหรับจุด X) ขั้นตอนต่อไปคือ เทอมินอลจะรอจนกระทั่งกำไรถึงตำแหน่งของจุด X (จำนวนที่ระบุไว้ใน trailing stop) หลังจากนั้น เทอมินอลจะตั้งค่า "Stop Loss" ที่ระยะทางจุดของ X จากราคาปัจจุบัน (ในกรณีของเราที่ระดับเสมอ) ถ้าเราได้รับราคาเมื่อระยะทางระหว่างราคาปัจจุบันและ "Stop Loss" เกินจุด X เทอมินอลจะเปิดใช้งานคำสั่งในการเปลี่ยนหยุดการสั่งซื้อสำหรับระยะทางของจุด X จากราคาปัจจุบัน เช่น Stop Loss ตามราคาปัจจุบันที่ระยะทางจุด X ดังนั้น "trailing stop" เป็นขั้นตอนควบคุมคำสั่ง "Stop Loss" คำสั่ง "การเคลื่อนไหวของราคาต่อกำไร" โปรดทราบ! "trailing stop" เป็นฟังก์ชั่นภายในของเทอมินอลที่ซึ่งดำเนินการเฉพาะเมื่อเทอมินอลเทรดของคุณเปิดอยู่และเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเราผ่านทางอินเทอร์เน็ต ถ้าคุณตั้งค่า "trailing stop" และหลังจากเทอมินอลปิดสวิทช์ ค่าของ Stop Loss ที่ผ่านมาถือสามารถใช้ได้กับเซิร์ฟเวอร์

การกลับตัวโดยอัตโนมัติใน MT4 และ MT5 ไม่ได้ถูกใช้ในบริษัทของเรา อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้:

1. เปิดตำแหน่งที่ตรงข้ามและหลังจากที่ปิดตัวแรก
2. เปิดตำแหน่งตรงข้ามด้วยปริมาณสองเท่าและปิดตำแหน่งแรกโดยใช้ตัวเลือก "ปิดหลายตำแหน่งโดยตำแหน่งตรงข้าม" เป็นผลให้เหลือเพียง "ตำแหน่งการกลับตัว" คุณจึงสามารถหลีกเลี่ยงการจ่ายสเปรดสำหรับตำแหน่งตรงข้ามได้ ตรงกันข้ามกับย่อหน้า 1 เนื่องจากในการปิดตำแหน่งแรก ราคาเปิดของตำแหน่งที่สองจะถูกใช้ หากต้องการปิดตำแหน่งที่สอง ราคาเปิดของตำแหน่งแรกจะถูกใช้

กรุณาคลิกขวาที่ตราสารในหน้าต่าง "Market watch" และเลือก "Show all" หรือเลือก "Symbols" และระบุตราสารที่คุณสนใจเทรด

"แนวรับ" และ "แนวต้าน" คือแนวความคิดวิเคราะห์ทางเทคนิคจากทฤษฎีคลาสสิกโดย J. Dow ระดับแนวรับเป็นระดับที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ที่ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอัตราราคาสามารถกลับตัวขึ้นได้ ระดับแนวต้านเป็นระดับที่สูงกว่าราคาของตลาดปัจจุบันซึ่งบ่งบอกว่าอัตราราคานั้นอาจลดลง

กำไร 100 จุด มักจะเรียกว่า "Figure" ของกำไร ตัวเลขของการเคลื่อนไหวราคาคือการเคลื่อนไหวของราคา 100 จุด จำนวนรอบบางครั้งก็เรียกว่า "Figure" ตัวอย่างเช่น "EUR / USD จะผ่าน "Figure" ที่ 17 หมายความว่าอัตราการเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับของ 1.1700

การจัดการเงินเป็นระบบผสมกฎระเบียบบางอย่างในเรื่องความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่นเดียวกับกรอบยุทธศาสตร์ที่เข้มงวดสำหรับการเทรด เช่น กลยุทธ์สอดคล้องกันเสมอและไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ในการวางคำสั่ง ไม่คำนึงถึงเวลาหรือเงื่อนไขการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคอย่างละเอียดและต้องการหาจุดที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าสู่ตลาด เมื่อไม่นานมานี้แนวคิดนี้ได้กลายเป็นเรื่องทั่วไปมากขึ้นและผลจากการสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างเทรดเดอร์ในเวทีและการสัมมนาได้สูญเสียความเข้าใจเฉพาะไป อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันก็มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางและง่ายต่อการทำความเข้าใจ

ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าการบริหารการเงินเป็นชุดของหลักการง่ายๆ ที่จะไม่เสี่ยงมากกว่า 1% ของเงินฝากในแต่ละข้อตกลง หลักการของการไม่ได้เข้าสู่ตลาด (ซึ่งหมายความว่าจะดีกว่าเพื่อให้มีเงื่อนไขที่ดีกว่าและหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมในกรณีของสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจน) ตั้ง Stop Loss ในระยะ 40-60 จุดจากระดับราคาของการทำธุรกรรม จะไม่ตามหาผลกำไร 20-30 จุดทันที แต่มุ่งเน้นไปที่ระยะยาว ดังนั้นการดำเนินงานที่สามารถทำกำไรได้มากกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า ติดตามการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากกลยุทธ์การเทรดของคุณในการวิเคราะห์เหล่านี้

ข้อมูลมีให้บริการในเว็บไซต์ของผู้พัฒนา https://www.metaquotes.net/en/metatrader5/algorithmic-trading/mql5

คุณสามารถหาคำแนะนำที่ปรึกษา อินดิเคเตอร์ และหาเอกสารของผู้ใช้งานได้ที่ http://codebase.mql4.com/

หากคุณมีความต้องที่จะหารายได้กับ LiftForex คุณสามารถเลือกหนึ่งประเภทใน โปรแกรมพาร์ทเนอร์ :

• CPS
• Revenue share
• ตัวแทนภูมิภาค

โปรแกรมเหล่านี้ให้โอกาสในการร่วมมือที่แตกต่างกัน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คุณมั่นใจว่าจะได้พบกับสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุด ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ศักยภาพและผลที่คาดหวังของคุณ คุณสามารถเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับคุณที่สุด

นักเทรดคือลูกค้าของบริษัทที่มีบัญชีอยู่ในการจัดอันดับและพร้อมสำหรับการคัดลอก โดยไม่คำนึงถึงโปรแกรมพันธมิตรที่เลือก คุณสามารถได้รับส่วนหนึ่งผลกำไรของนักเทรด หากผู้ที่คุณแนะนำได้คัดลอกการซื้อขายของนักเทรดและนักเทรดได้กำหนดเปอร์เซ็นต์ของผลกำไรที่จะจ่ายให้กับพันธมิตรของผู้คุณที่แนะนำ

ตัวอย่างเช่น ผู้ที่คุณแนะนำเริ่มคัดลอกและนักเทรดได้รับกำไร 100 USD หากนักเทรดตั้งค่าคอมมิชชันสำหรับพันธมิตรของนักเทรดคัดลอกที่ 10% ของกำไร นอกเหนือจากค่าคอมมิชชันมาตรฐานจากผู้ที่คุณแนะนำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพันธมิตรที่คุณเลือก คุณก็จะได้รับเพิ่มอีก 10 USD จากนักเทรด

หมายเหตุ! ค่าคอมมิชชั่นประเภทนี้จ่ายโดยนักเทรดไม่ใช่บริษัท ไม่มีทางที่เราจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเทรดเดอร์ในการแต่งตั้งอัตราค่าคอมมิชชั่นเฉพาะให้กับคุณได้

คุณสามารถพิจารณาพูดคุยเกี่ยวกับเงื่อนไขความร่วมมือกับนักเทรดแต่ละรายโดยคลิกที่ปุ่ม "เขียนข้อความ" ในหน้า "ข้อมูลเกี่ยวกับนักเทรด"

คุณสามารถเข้าร่วมได้หลายโปรแกรมและสร้างแคมเปญมากที่สุดเท่าที่คุณต้องการ

ลูกค้าใช้ลิงค์พันธมิตรของคุณ (คลิกที่ลิงค์คัดลอกในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์หรือคลิกที่แบนเนอร์โฆษณาพร้อมลิงค์พันธมิตรที่ซ่อนอยู่) มาที่เว็บไซต์ของเราและลงทะเบียนเป็นลูกค้าของคุณ และคุณสามารถทำกำไรจากสิ่งนี้ได้

อยู่ในเมนู "พันธมิตร (Affiliate)" และจะปรากฏเมื่อคุณยืนยันโปรไฟล์ลูกค้าของคุณและกรอกแบบสอบถามของพันธมิตรแล้ว หากต้องการดูลิงก์พันธมิตรของคุณ ไปที่แท็บ "แคมเปญ" และคลิกแคมเปญใดแคมเปญหนึ่งของคุณ ลิงก์จะแสดงในช่องเฉพาะและสามารถคัดลอกได้ด้วยการคลิกเมาส์

คุณสามารถรับแบนเนอร์และแลนดิ้งเพจได้ทันทีหลังจากสร้างแคมเปญ คุณสามารถค้นหาได้ในแถบ "โปรโม" ในเมนูพันธมิตร โปรดทราบว่า คุณสามารถใช้แบนเนอร์ควบคู่กับแลนดิ้งเพจ ตัวอย่างเช่น คนที่คลิกแบนเนอร์กับโฆษณาการเทรดหุ้นจะส่งไปยังแลนดิ้งเพจ ซึ่งจะนำเสนอข้อดีของการเทรดหุ้นและตารางการเติบโตของหุ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมทำการลงทะเบียนและเป็นลูกค้าของคุณ

จำนวนค่าคอมมิสชันของพันธมิตรและวิธีการจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่คุณเลือก โปรดศึกษาหน้านี้หรือข้อตกลงพันธมิตรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

จำนวนค่าคอมมิชชั่นขึ้นอยู่กับว่าผู้แนะนำมีการป้องกันความเสี่ยงตำแหน่งหรือไม่และมีการใช้โบนัสในระหว่างการเบิกเงินหรือไม่

a) ดูตัวอย่างต่อไปนี้: ผู้ที่เราแนะนำเปิดการซื้อขายเพื่อซื้อ 1 ล็อตใน EURUSD จากนั้นเปิดการซื้อขายสองครั้งทันทีเพื่อขาย 0.5 และ 0.3 ล็อตใน EURUSD ปริมาณตำแหน่งล็อคคือ 1 ล็อต และปริมาณรวมของตำแหน่งล็อคคือ 0.8 ล็อต ในกรณีนี้ ค่าคอมมิชชันจะจ่ายเฉพาะในปริมาณที่ล็อค 1 ล็อต เนื่องจากสูงกว่าปริมาณล็อค

b) ดูตัวอย่างต่อไปนี้: ผู้ที่เราแนะนำเปิดการซื้อขายเพื่อซื้อ 1 ล็อตใน EURUSD จากนั้นเปิดการซื้อขายสองครั้งทันทีเพื่อขาย 0.5 และ 0.7 ล็อตใน EURUSD ปริมาณตำแหน่งล็อคคือหนึ่งล็อต และปริมาณรวมของตำแหน่งล็อคคือ 1.2 ล็อต หุ้นส่วนจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นจำนวน 1 ล็อตของปริมาณที่ล็อคไว้ นอกจากนี้ เนื่องจากปริมาณการล็อคสูงกว่า หุ้นส่วนจะได้รับค่าคอมมิชชั่นสำหรับส่วนต่างระหว่างปริมาณการล็อคและปริมาณการล็อคของ 0.2 ล็อต

โปรดทราบ! ถ้าเทรดเดอร์เข้าร่วมกระบวนการประกันความเสี่ยง ไม่ได้สำคัญเท่าไรว่าเทรดเดอร์ได้เข้าร่วมนานแค่ไหนและได้เปิดปิดเทรดไหน การรวมปริมาณการเทรดในตราสารเดียวกันจะถูกพิจารณาตลอด

c) สมมติว่า ผู้แนะนำใช้เงินโบนัสเป็นมาร์จิ้นเพิ่มเติม หากมาร์จิ้นเกินอัตราเงินทุนของผู้แนะนำในฟรีมาร์จิ้น คอมมิชชั่นจะถูกคำนวณสำหรับปริมาณการเทรดที่ได้รับการประกันโดยเงินของผู้แนะนำเท่านั้น

สถิติแบบเต็มมีอยู่ในแถบ "แคมเปญ" ในเมนูพันธมิตร

ค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรสามารถถอนได้ด้วยช่องทางที่แสดงในส่วน "โปรแกรมพันธมิตร" คำร้องถอนเงินจะดำเนินการตามระเบียบของบริษัท โปรดทราบว่าการถอนเงินแบบโอนผ่านธนาคารสามารถใช้ได้ในกรณีที่จำนวนเงินที่ถอนเกิน 500 USD

เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรได้รับการบันทึกเป็นเครดิตในบัญชีเทรดหลักของคุณในโปรไฟล์ลูกค้าโดยค่าเริ่มต้น คุณสามารถเทรดหรือคัดลอกเทรดของเทรดเดอร์อื่นได้โดยไม่ต้องสร้างบัญชีเทรดแยกต่างหาก

"Autoreferral" หมายถึง ค่าคอมมิสชั่นที่ได้รับจากบัญชีเทรดของคุณเอง ทั้งพาร์ทเนอร์ ญาติ หรือ IB พาร์ทเนอร์ ก็สามารถเป็นลูกค้าของคุณได้

ได้ คุณสามารถค้นหารายชื่อผู้แนะนำของคุณในแถบ "แคมเปญ" โดยคลิกที่ลิงก์ "เครือข่ายผู้แนะนำ"

ไม่จำกัดจำนวนลูกค้าแนะนำมา ยิ่งคุณแนะนำลูกค้ามากขึ้น คุณก็จะได้รับรายได้เพิ่มมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่ระบบ โปรไฟล์ลูกค้า โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของคุณ (อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์) และรหัสผ่านจากโปรไฟล์ลูกค้าของ LiteFinance

ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ยืนยันที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลประจำตัว และที่อยู่ของคุณใน โปรไฟล์ลูกค้า มิฉะนั้น คุณจะไม่สามารถเปิดบัญชีของนักเทรดได้

ขั้นตอนที่ 3: ทำการฝากเงินอย่างน้อย 300 USD ไปยังบัญชีซื้อขายที่คุณต้องการให้พร้อมสำหรับการคัดลอกในส่วน "การเงิน" หากคุณยังไม่ได้ทำ

ขั้นตอนที่ 4: คลิกชื่อของคุณที่ด้านบนของหน้า เลือก "โปรไฟล์ของฉัน" แล้วคลิก "แก้ไข" ตั้งค่าบัญชีของคุณ ตั้งค่าส่วนแบ่งกำไรของคุณ จำนวนค่าคอมมิชชันของพันธมิตร และจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับผู้คัดลอกของคุณ ทำให้บัญชีพร้อมสำหรับการคัดลอก โดยการเพิ่มข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับตัวคุณและกลยุทธ์การซื้อขายของคุณสำหรับผู้คัดลอก เชิญพันธมิตรเจรจาเงื่อนไขความร่วมมือ

คุณสามารถระบุจำนวนกำไรของคุณหลังจากการโรลโอเวอร์ให้กับพันธมิตรที่ดึงดูดนักเทรดแบบคัดลอก เปอร์เซ็นต์จะคำนวณแยกกันสำหรับการโรลโอเวอร์แต่ละครั้งที่เกี่ยวข้องกับนักเทรดแบบคัดลอกของคนที่คุณแนะนำ

ตัวอย่างเช่น คุณตั้งค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรที่ 10% และหลังจากโรลโอเวอร์จะได้รับผลกำไร 100 USD จากนักเทรดที่คัดลอกรายแรก และ 80 USD จากรายที่สอง สมมติว่าเทรดเดอร์ที่คัดลอกรายแรกถูกดึงดูดโดยพันธมิตรของคุณ และรายที่สองไม่ถูกดึงดูด จากนั้น 10 USD จากกำไรโรลโอเวอร์จากนักเทรดที่คัดลอกรายแรกจะมอบให้กับพันธมิตรของเขา และกำไรของคุณจะเท่ากับ 90 USD + 80 USD

คุณสามารถดูรายชื่อพันธมิตรทั้งหมดและนักเทรดทำการคัดลอกที่พวกเขาดึงดูดได้ในส่วน โปรไฟล์ของฉัน/พันธมิตรคัดลอก โปรดทราบว่าคุณสามารถตั้งค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรเป็นรายบุคคลได้ คลิกที่ชื่อเล่นของพันธมิตรเพื่อแก้ไขอัตราค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตร

โรลโอเวอร์ เป็นขั้นตอนของการชำระบัญชีระหว่างเทรดเดอร์และนักลงทุนของเขา โรลโอเวอร์ หมายความว่า ช่วงเวลาการเทรดเสร็จสมบูรณ์แล้วและช่วงเวลาเทรดใหม่เริ่มขึ้น ถ้าผลกำไรมีการลงทะเบียนเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาเทรด เทรดเดอร์จะได้รับส่วนแบ่งกำไรของนักลงทุนที่ได้กำหนดไว้ ในทางตรงกันข้าม หากผลกำไรไม่ได้ลงทะเบียนโรลโอเวอร์จะไม่ดำเนินการใดๆ มีแค่เทรดที่คัดลอกสามารถทำโรลโอเวอร์ได้เท่านั้น
โปรดทราบว่า ถ้าเป็นการขาดทุนลอยตัว (สูญเสียเทรดที่กำลังเปิด) ในบัญชีเทรดเดอร์ จำนวนกำไรที่เป็นคอมมิชชั่นจะต้องจ่ายในคำสั่งเพื่อพิจารณามูลค่าเปลี่ยนแปลงการสูญเสียในช่วงเวลาการเทรด

ในการทำโรลโอเวอร์ เทรดเดอร์ต้องคลิกที่ปุ่มชื่อเดียวกันในการตั้งค่าบัญชีเทรดเดอร์ การถอนเงินจากบัญชีเทรดเดอร์จะไม่เป็นการเริ่มโรลโอเวอร์

ทุกครั้งที่นักลงทุนยกเลิกบัญชีออกจากเทรดเดอร์หรือถอนเงินจากบัญชี โรลโอเวอร์จะดำเนินการโดยอัตโนมัติในบัญชีของนักลงทุน

การโรลโอเวอร์ไม่ได้ปิดเทรดใดๆ กระบวนการนี้หมายถึงการชำระบัญชีระหว่างเทรดเดอร์และนักลงทุนซึ่งเกี่ยวกับผลกำไรจากการปิดเทรด ในจำนวนเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยเทรดเดอร์ โปรดทราบว่าถ้าบัญชีนักลงทุนมีเงินทุนที่ไม่เพียงพอในระหว่างโรลโอเวอร์อาจส่งผลถึงการเป็นหนี้ (ดูที่ส่วน 2.5)

เราแนะนำให้เทรดเดอร์ทำการโรลโอเวอร์ถ้ามีความจำเป็นแยกเซสชั่นการเทรด ขณะที่สูตรการทำกำไรควรพิจารณามูลค่า Equity หลังจากทุกครั้งที่ทำยอดคงเหลือ

โรลโอเวอร์ เป็นการดำเดินการแบบอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง 01:00 (เวลาที่ระบุไว้ในแพลตฟอร์มการเทรด)

การปิดสถานะบัญชีเทรดเดอร์ หมายความว่าไม่ใช้บัญชีนี้เป็นบัญชีเทรดเดอร์อีกต่อไปและบัญชีนักลงทุนทั้งหมดจะถูกแยกออกจากนี้ การปิดสถานะบัญชีของเทรดเดอร์จะเป็นภาระผูกพันโดยโรลโอเวอร์ เพื่อทำการปิดสถานะบัญชี เทรดเดอร์ต้องคลิกที่ปุ่มสีแดง "ลบบัญชีเทรดเดอร์" ในการตั้งค่าบัญชี

โปรดทราบว่า การปิดสถานะบัญชี ไม่ได้รวมถึงการลบบัญชีดังกล่าว แต่เป็นการยกเลิกการลงทะเบียนบัญชีในบริการ "การซื้อขายทางสังคม" หนึ่งบัญชีหรือบัญชีเดียวกันสามารถลงทะเบียนเป็นเทรดเดอร์และปิดสถานะได้หลายครั้ง

การเปิดเทรดจะถูกปิดที่ราคาเหมาะสมขณะทำการลบบัญชี

นี่คือตัวอย่าง

ลองสมมติว่า นักเทรดเพิ่มมูลค่าสุทธิของตนเองผ่านการซื้อขายจาก $500 เป็น $550 ทำให้มีกำไร 10% นักเทรดเปิดการซื้อขายใหม่และตัดสินใจถอนกำไร $50 จำนวนมูลค่าสุทธิรวมจะเท่ากับ $500 และยังคงทำกำไรได้ 10%

การซื้อขายครั้งใหม่นั้นขาดทุนและมูลค่าสุทธิของบัญชีลดลงเหลือ $450 เราอาจคิดว่ากำไรน่าจะเท่ากับ 0% แต่จากที่คุณทราบดีอยู่แล้ว มูลค่าสุทธิของบัญชีลดลง 10.1% ไม่ใช่ 10% หลังจากเปิดการซื้อขายครั้งใหม่

((550/500*450/500)-1)*100%=-1%

ผลการจัดอันดับแสดงผลกำไรที่ -1% ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงอิควิปตี้มากเท่าใดเนื่องจากการดำเนินการตามยอดคงเหลือ ผลกำไรก็จะเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่านั้นในการจัดอันดับหลังจากการดำเนินการตามยอดคงเหลืออีกครั้ง

เพื่อป้องกันสถานการณ์เช่นนี้ เราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรดำเนินการปรับยอดคงเหลือถ้าไม่มีความจำเป็น และพยายามเติมเงินเข้าบัญชีหรือทำการถอนเงินหลังจากเซสชั่นการเทรดเสร็จสิ้นและการปิดเทรด

1. เติมเงินเข้าบัญชีที่คุณจะทำการคัดลอกเทรดผ่านส่วน " การเงิน "
2. ย้ายไปที่ส่วน เทรดเดอร์ คลิกที่ชื่อเล่นเทรดเดอร์ที่คุณสนใจ
3. ทางด้านขวามือของชาร์ตการทำกำไรที่เปิดขึ้น ให้ตั้งค่าพารามิเตอร์บัญชีของคุณ คือเลือกหนึ่งใน 4 ประเภทการคัดลอก กำหนดระดับ Equity เพื่อการคัดลอกเทรดใหม่ที่จะถูกระงับ ซึ่งระบุจำนวนเงินที่ต้องการคัดลอกและคลิกที่ "คัดลอก" รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าการคัดลอกและเงื่อนไขการหยุดคัดลอกอยู่ด้านล่างนี้

แพลตฟอร์มการซื้อขายทางสังคมมีการคัดลอกเทรดอยู่ 4 ประเภท นักลงทุนเลือกประเภทและตั้งค่าการคัดลอกเมื่อเชื่อมบัญชีกับบัญชีเทรดเดอร์ นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อเลือกประเภทการคัดลอก การประมาณการเงินและกลยุทธ์การเทรดของบัญชีเทรดเดอร์จากที่พวกเขาวางแผนจะคัดลอกเทรด

ถ้าขนาดเงินของคุณมีความแตกต่างจากแหล่งที่มีอยู่ในบัญชีของเทรดเดอร์ หรือคุณไม่มีประสบการณ์พอที่จะประเมินกลยุทธ์ของเขา เพื่อต้องการลดความเสี่ยงจากการเทรดใช้ "คัดลอกส่วนคงที่ของ Equity นักลงทุน"

สำหรับรายละเอียดและภาพประกอบ โปรดดูที่ส่วน "4 ประเภทของการคัดลอก" ในหน้า"การซื้อขายทางสังคมทำงานอย่างไร "

นอกจากนี้เราแนะนำให้คุณทำความคุ้นเคยกับคำอธิบายบัญชีของเทรดเดอร์ก่อนที่คุณจะเลือกประเภทการคัดลอกและตั้งค่าพารามิเตอร์ หากไม่มี คุณสามารถถามเทรดเดอร์ของคุณได้ตลอดเวลาโดยส่งข้อความส่วนตัวถึงเขา เพื่อต้องการส่งข้อความให้คลิกปุ่ม "เขียนข้อความ" ในหน้า "ข้อมูลเทรดเดอร์"

การถอนเงินจากบัญชีของนักลงทุนจะเปิดโรลโอเวอร์โดยอัตโนมัติ ในเวลาเดียวกันค่าคอมมิสชั่นของเทรดเดอร์จะถูกหักเข้าเงินที่จะถอน โดยใช้สูตรนี้:

Available funds= Equity-Credit-Margin-Commission

โดยที่ค่าคอมมิชชั่นหมายถึง การชำระเงินสำหรับการซื้อขายแบบคัดลอกที่ปิดแล้วซึ่งจะต้องชำระให้กับนักเทรดในปัจจุบัน (กล่าวคือ ค่าคอมมิชชั่นที่คาดว่าจะเกิดขึ้นซึ่งจะถูกหักจากบัญชีหากมีการดำเนินการโรลโอเวอร์)

ในกรณีที่มี Free Equity ไม่เพียงพอที่จะต้องจ่ายค่าคอมมิสชั่นหลังจากโรลโอเวอร์ การชำระเงินบางส่วนเท่ากับจำนวน Free Equity จะเกิดขึ้นและจะเกิดหนี้ เมื่อบัญชีนักลงทุนเป็นหนี้ นักลงทุนจะไม่สามารถสร้างบัญชีนักลงทุนใหม่หรือถอนเงินจากโปรไฟล์ลูกค้าของตนเองจนกว่าจะมีการชำระหนี้ ทุกบัญชีของนักลงทุนจะอยู่ในโหมดหยุดชั่วคราว (ดูรายการที่ 2.7)

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเมื่อเกิดหนี้และขนาดหนี้ที่ตารางพิเศษของเรา สามารถชำระหนี้โดยการโอนเงินจากบัญชีเทรดอื่นของลูกค้าหรือผ่านระบบการชำระเงิน โปรดทราบว่าจะต้องชำระหนี้หลายรายการตามลำดับที่ปรากฏ การชำระหนี้ก้อนเดียวไม่ได้เป็นการยกเลิกหนี้ส่วนที่เหลือ

คุณสามารถคัดลอกเทรดเดอร์ได้มากเท่าที่คุณต้องการ การกระจายเงินทุนจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงประสิทธิภาพการคัดลอกเทรดได้สูงสุด คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าการคัดลอกเทรดสำหรับเทรดเดอร์แต่ละรายได้

เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคัดลอกการซื้อขาย นักเทรดแบบคัดลอกสามารถตั้งค่าเงื่อนไขการหยุดการคัดลอกไว้ล่วงหน้าในสกุลเงินบัญชีของพวกเขาได้ หากการขาดทุน/กำไรจากจำนวนการคัดลอกเริ่มต้นถึงค่านี้ การคัดลอกการซื้อขายจะหยุดในบัญชีนี้ทันที

ตัวอย่างเช่น คุณได้ตั้งค่าพารามิเตอร์คัดลอกการซื้อขายต่อไปนี้:

• จำนวนเงินสำหรับการคัดลอกการซื้อขาย: 1,000 USD
• การสูญเสียสูงสุด: -100 USD

ซึ่งหมายความว่าการคัดลอกการซื้อขายจะหยุดเฉพาะเมื่อคุณสูญเสีย 100 USD จากจำนวนเงินสำหรับการคัดลอกการซื้อขาย และเงินฝากของคุณเท่ากับ 900 USD (1,000 USD - 100 USD)

สมมติว่าคุณเริ่มคัดลอกการซื้อขายและได้รับ 300 USD ขณะนี้คุณมีเงิน 1,300 USD ในบัญชีของคุณ

จากนั้น คุณสูญเสียเงิน 100 USD คัดลอกการซื้อขาย จะไม่หยุด เนื่องจากคุณยังมีเงิน 1,200 USD ในบัญชีของคุณ (1,000 USD + 300 USD - 100 USD)

เพื่อให้กระบวนการคัดลอกการซื้อขายหยุดลง เงินฝากคงเหลือของคุณจะต้องน้อยกว่าจำนวนเงินเริ่มต้นสำหรับการคัดลอกการซื้อขาย 100 USD ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องสูญเสีย 400 USD (100 USD+300 USD) ซึ่งเป็นผลกำไรที่นำมาพิจารณา

จำนวนดุลภาคในบัญชีของนักเทรดแบบคัดลอกจะเทียบกับระดับหยุดคัดลอกทุก 15 วินาที

นอกจากนี้คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงโดยการเลือกประเภทการคัดลอกเฉพาะ เช่น การคัดลอกเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ของแต่ละเทรดของเทรดเอร์ หรือการคัดลอกส่วนแบ่งคงที่ Equity ของคุณ หากคุณตั้งค่าเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยของปริมาณเทรดที่คัดลอก หรือใช้ส่วนแบ่งคงที่ของ Equity คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ แต่ในเวลาเดียวกันผลกำไรจะลดตามลำดับ

โหมดหยุดชั่วคราวทำหน้าที่เพื่อหยุดการคัดลอกเทรดชั่วคราวและสามารถใช้ได้ในสถานการณ์ต่อไปนี้

• เทรดเดอร์หยุดชั่วคราว
• นักลงทุนหยุดชั่วคราว

• โดยอัตโนมัติ เมื่อถึงระดับหยุดคัดลอก
• หนี้ที่ปรากฏ

ทั้งเทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถเริ่มโหมดหยุดชั่วคราว โหมดหยุดชั่วคราวไม่ได้นำมาซึ่งการปิดเทรดในบัญชีนักลงทุนและไม่ได้จำกัดความเสี่ยงการเทรดในเทรดที่เปิด มันทำหน้าที่เพื่อหยุดการคัดลอกเทรดใหม่เท่านั้น

ได้ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการหยุดคัดลอก ประเภทที่คัดลอกและตั้งค่าบัญชีได้ทุกเมื่อ

ควรพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกับการเทรดกำลังเปิดและจะนำไปใช้กับการเทรดแบบคัดลอกในอนาคตทั้งหมด

คุณสามารถเชื่อมหลายบัญชีเทรดกับบัญชีต่างกันของเทรดเดอร์ ควรกระจายเงินในบัญชีเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงการคัดลอกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเทรด คุณสามารถกำหนดตั้งค่าคัดลอกพิเศษสำหรับแต่ละบัญชีของคุณเช่นกัน

ด้วยเหตุผลบางประการดังนี้

• ปริมาณเทรดที่คัดลอกต่ำกว่าปริมาณเทรดขั้นต่ำที่ตั้งค่าไว้สำหรับบัญชีของนักลงทุน
• บัญชีนักลงทุนไม่มีเงินเพียงพอในการเปิดตำแหน่งใหม่
• โหมด "หยุดชั่วคราว" ถูกเปิดใช้งานในบัญชีของนักลงทุน
• โหมด "หยุดชั่วคราว" ถูกเปิดใช้งานในบัญชีของเทรดเดอร์ที่เชื่อมกับบัญชีของนักลงทุน
• บริการนี้ถูกปิดใช้งานสำหรับนักลงทุนหรือเทรดเดอร์เนื่องจากภาระหนี้ ตัวอย่างเช่น
• Equity ของบัญชีนักลงทุนเท่ากับหรือน้อยกว่าค่าระบุที่ระดับหยุดการคัดลอกจำนวนคงเหลือ

1. การเทรดอาจถูกปิดตามการเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของคุณ เมื่อคุณเปลี่ยนประเภทการคัดลอกสำหรับบัญชีนักลงทุน เทรดทั้งหมดจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้โปรดทราบว่าการเปลี่ยนในระดับการหยุดคัดลอกไม่มีผลกระทบใดๆ กับเทรดที่เปิด
2. คุณได้ใช้ประเภทการคัดลอกที่แตกต่างจาก "คัดลอกส่วนคงที่ของ Equity นักลงทุน" และการเทรดดังกล่าวถูกปิดเนื่องจาก Stop Out ถึงแม้ว่าบัญชีเทรดเดอร์ยังคงไม่ได้รับผลกระทบ
3. ถ้าคุณใช้ประเภทการคัดลอก "คัดลอกส่วนคงที่ของ Equity นักลงทุน" โปรดดูที่รายการ 2.17
4. ให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ปรับเปลี่ยนการคัดลอกเทรดจากบัญชีเทรดเดอร์ ตั้งคำสั่งที่รอดำเนินการหรือเปิดเทรดของคุณเอง การแทรกแซงกับกลยุทธ์การเทรดของเทรดเดอร์อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับมาร์จิ้นในบัญชีโดยไม่คำนึงถึงบัญชีเทรดเดอร์และ Stop Out เกิดขึ้น

ใช่ เทรดเดอร์สามารถเปลี่ยนขนาดของส่วนแบ่งกำไรในทุกช่วงเวลา, แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลเฉพาะกับ copying traders ใหม่ที่แนบอยู่หลังจากเปอร์เซ็นต์กำไรใหม่ที่ได้ตั้งเอาไว้แล้ว บัญชีที่แนบอยู่ทั้งหมดในปัจจุบันของ copying traders จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่มีอยู่แล้วในเวลาของพวกเขาที่แนบมา

ความพิเศษของการซื้อขายแบบคัดลอกประเภทนี้ก็คือ ปริมาณการซื้อขายที่คัดลอกจะถูกปัดเศษเป็นจำนวนล็อตขั้นต่ำ 0.01 หากน้อยกว่าค่าดังกล่าว แต่หากผู้คัดลอกเทรดไม่มีมูลค่าสุทธิเพียงพอในบัญชีของตน และมูลค่าสุทธิของตนแตกต่างจากของผู้ซื้อขายอย่างมาก การปัดเศษอาจรบกวนอัตราส่วนปริมาณการซื้อขายที่คัดลอกและส่งผลให้เกิดการ Stop Out อย่างรวดเร็ว

หากเปิดการใช้งานตัวเลือก "คัดลอกคำสั่งที่เปิดอยู่" ตราสารทุนของนักเทรดและผู้คัดลอกอาจเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เป็นสัดส่วนด้วยเหตุผลที่กล่าวถึงไว้ข้างต้น

เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่นักเทรดเติมเงินเข้าบัญชีของพวกเขา แต่บัญชีคัดลอกการซื้อขายไม่ได้รับการเติมเงิน

ในการคำนวณค่าคอมมิชชันของนักเทรด เราได้ประเมินกำไรคงที่ที่สะสมไว้ตั้งแต่การโรลโอเวอร์ครั้งล่าสุดและมูลค่าการขาดทุนแบบลอยตัวในช่วงเวลาของการโรลโอเวอร์ เมื่อนักเทรดปิดการซื้อขายที่มีกำไร พวกเขาจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นจนกว่ากำไรคงที่ทั้งหมดจะเกินผลขาดทุนที่ไม่ได้บันทึก ในกรณีนั้น นักเทรดจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากส่วนต่างระหว่างกำไรและการขาดทุนที่ไม่ได้บันทึก และพวกเขาไม่จำเป็นต้องปิดการซื้อขายเพื่อสิ่งนั้น มันก็เพียงพอแล้วที่จะมีการซื้อขายแบบเปิดซึ่งการขาดทุนแบบลอยตัวจะลดลงในช่วงเวลาของการโรลโอเวอร์จนถึงขอบเขตที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กล่าวถึงข้างต้น

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ! จำนวนกำไรคงที่จะลดลงตามจำนวนเงินที่จ่ายค่าคอมมิชชั่นไปแล้วระหว่างการโรลโอเวอร์ในครั้งก่อน

ตัวอย่าง: นักเทรดได้ล็อกกำไรไว้ $100 ตั้งแต่เริ่มคัดลอกการซื้อขาย หลังจากโรลโอเวอร์ครั้งแรก ส่วนต่างระหว่างกำไรและขาดทุนลอยตัวคือ $30 นักเทรดจะได้รับคอมมิชชั่นจาก $30 และจำนวนนี้จะถูกหักออกจากกำไรที่ล็อกไว้ ซึ่งตอนนี้คือ $70 เมื่อถึงโรลโอเวอร์ครั้งต่อไป นักเทรดจะไม่ปิดการซื้อขายใดๆ แต่การขาดทุนลอยตัวได้ลดลงท่ามกลางความผันผวนของตลาด ส่วนต่างระหว่างขาดทุนลอยตัวและกำไร ($70) ตอนนี้คือ $20 ผู้ซื้อขายจะได้รับคอมมิชชั่นจาก $20 และจำนวนนี้จะถูกหักออกจากกำไรที่ล็อกไว้ ซึ่งตอนนี้คือ $50

จากนั้นเทรดเดอร์ปิดการเทรดที่ทำกำไรและจำนวนกำไรคงที่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคัดลอกเพิ่มขึ้น $10 เมื่อโรลโอเวอร์ครั้งหน้ามาถึง ผลขาดทุนลอยตัวจะเปรียบเทียบกับกำไร 50+10 = $60 และคอมมิชชันจะจ่ายจากส่วนต่างของมูลค่านี้

ผลกำไรจะคำนวณโดยใช้สูตรนี้

P=((E_end_1/E_begin_1)*(E_end_2/E_begin_2)*...*(E_end_N/E_begin_N)-1)*100%
ที่ซึ่ง:

P หมายถึง "ผลกำไรใน %"

E_begin_X หมายถึง "เงินทุนที่มีอยู่ ณ ระยะเวลาเริ่มต้น X"

E_end_X หมายถึง "เงินที่มีอยู่ ณ ระยะเวลาสิ้นสุด X"

N หมายถึง "ระยะเวลาที่ทำการชำระล่าสุด"

การโรลโอเวอร์ถือเป็นการสิ้นสุดระยะเวลาการซื้อขายและการเริ่มต้นของช่วงเวลาการซื้อขายอื่น สูตรคำนวณความสามารถในการทำกำไรเป็น % เมื่อบัญชีได้รับการจัดอันดับในการจัดอันดับของนักเทรด

ผลกำไรของนักเทรดขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของการซื้อขายเท่านั้น การฝากและถอนเงินไม่มีผลต่ออัตราผลกำไรของบัญชี ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาเมื่อยอดคงเหลือในบัญชีเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการดำเนินงานของยอดคงเหลือ

นี่คือตัวอย่าง

ลองสมมติว่ามีการฝากเงิน $500 เข้าบัญชีของเทรดเดอร์ เมื่อเวลาผ่านไป เงินฝากจะลดลงเหลือ $100 เนื่องจากทำธุรกรรมไม่สำเร็จ ซึ่งลดลง 80% ซึ่งจะแสดงไว้ในการจัดอันดับ

เพื่อให้คืนอัตราผลกำไรให้กลับมาอยู่ที่จุดคุ้มทุน นักเทรดจำเป็นต้องเพิ่มเงินทุนห้าเท่า (จาก $100 เป็น $500) โดยแสดงผลการดำเนินงานในเชิงบวก

นักเทรดตัดสินใจเติมเงินเข้าบัญชีเพื่อถอนเงินออกด้วยวิธีที่สะดวกกว่าและจ่ายเงิน $50 เงินฝากรวมจะเท่ากับ $150 อย่างไรก็ตาม กำไรของบัญชียังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ -80%

ลองสมมติว่าเงินฝากในบัญชีมีจำนวนเท่ากับเงินฝากเริ่มต้น $500 เป็นผลจากธุรกรรมที่มีกำไรที่ดำเนินการในบัญชี

ผลกำไร = ((100/500*500/150)-1)*100 = -33.33%

โปรดทราบว่าการเพิ่มเงินฝากห้าเท่าไม่ได้ทำให้บัญชีออกจากการถอนเงิน เนื่องจากนักเทรดได้ฝากเงินเพิ่ม $50 จำนวนรวม $150 จึงเพิ่มขึ้นห้าเท่า ซึ่งหมายความว่าในการออกจากการถอนเงิน นักเทรดจะต้องเพิ่มเงินฝากในบัญชีเป็น $750

คือ ยังคงต้องมีกำไรจากการซื้อขาย $250 จึงจะออกจากการถอนเงินได้

ผลกำไร = ((100/500*750/150)-1)*100 = 0%

เงินฝากมากที่สุด คือ ค่าสูงสุดของพารามิเตอร์เงินฝากบัญชี ที่แสดงในตารางการจัดอันดับเทรดเดอร์

อัตราการใช้เงินฝากคือร้อยละการใช้ Equity ของบัญชีเป็นมาร์จิ้นสำหรับคำสั่งเปิด

ซึ่งคำนวณโดยใช้สูตร

Margin / Equity * 100(%), ที่ซึ่ง:

มาร์จิ้น – จำนวนเงินฝากที่ต้องการเพื่อเปิดตำแหน่ง

Equity – Equity ของบัญชีในปัจจุบัน

จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด แสดงเปอร์เซ็นต์การขาดทุนในบัญชี

ซึ่งคำนวณโดยใช้สูตร

Max ((MaximalPeak - NextMinimalPeak) / (MaximalPeak + 100) * 100) (%), ที่ซึ่ง:

Max — ค่าขาดทุนต่อเนื่องสูงที่สุด

MaximalPeak — มูลค่าสูงสุดที่สอดคล้องกับ Max ในชาร์ตผลกำไร

NextMinimalPeak — มูลค่าต่ำสุดตาม NextMinimalPeak ในชาร์ตผลกำไร

ตัวอย่างการคำนวณค่า Relative Drawdown สำหรับชาร์ตข้างบน

มาลองประเมินค่า Extremums ของชาร์ตการทำกำไร ("H" สำหรับค่าสูงที่สุดและ "L" สำหรับค่าต่ำที่สุด)

H1 = 80%, L1= 50%;

H2 = 90%, L2 = 35%;

H3 = 135%, L3 = 40%;

H4= 195%, L4 = 65%.

ค่า Relative Drawdown คำนวณได้ดังนี้

PercentDrawDown1 = (H1 - L1) / (H1 + 100) * 100 = (80 - 50) / (80 + 100) х 100 = 16,67%

PercentDrawDown2 = (H2 - L2) / (H2 + 100) * 100 = (90 - 35) / (90 + 100) х 100 = 28,95%

PercentDrawDown3 = (H3 - L3) / (H3 + 100) * 100 = (135 - 40) / (135 + 100) х 100 = 40,43%

PercentDrawDown4 = (H4 - L4) / (H4 + 100) * 100 = (195 - 65) / (195 + 100) х 100 = 44,07%

MaxRelativeDrawdown = 44,07%

ในช่วงเดือนแรกของการซื้อขาย บัญชีของนักเทรดจะถือเป็นบัญชีใหม่และมีความเสี่ยง 6 จุด ดังนั้น การคัดลอกนักเทรดจะได้รับคำเตือนว่าบัญชีนี้อยู่ในหมวดหมู่ที่มีความเสี่ยงสูง หลังจากช่วงเวลานี้สิ้นสุดลง ปัจจัยความเสี่ยงของบัญชีจะถูกคำนวณใหม่ทุกชั่วโมงตามกฎที่อธิบายไว้ด้านล่าง

บัญชีเทรดเดอร์จะถูกจัดประเภทบนพื้นฐานของอัตราความเสี่ยง

ความเสี่ยง 1-3 (ทำเครื่องหมายสีเขียว) บัญชีเทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ปกติแล้วหมายถึงไม่มีการเทรดในระหว่างการเผยแพร่ข่าว (ในช่วงความผันผวนสูง) และไม่มีตำแหน่งใหญ่ๆ (เมื่อเทียบกับจำนวนเงินในบัญชี)

ความเสี่ยง 4-7 (ทำเครื่องหมายสีเหลือง) บัญชีเทรดเดอร์ช่วยให้ Drawdown และ Deposit Load อยู่ในระดับปานกลาง รวมทั้งปริมาณเทรดก็ปานกลาง

ความเสี่ยง 7-10 (ทำเครื่องหมายสีแดง) โดยปกติเป็นบัญชีใหม่ของเทรดเดอร์จะใช้กลยุทธ์การเทรดเชิงรุก Deposit Load สูงและเทรดในเวลาข่าว บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์จะไม่ทำตามกลยุทธ์การเทรด

ระดับความเสี่ยงของบัญชีเทรดเดอร์ขึ้นอยู่บนพื้นฐานของประวัติการเทรดของเทรดเดอร์และมีการคำนวณโดยอัตโนมัติตามพารามิเตอร์นี้ (ระดับอิทธิพลของแต่ละพารามิเตอร์กับคะแนนที่มีการระบุไว้ในวงเล็บ)

1. จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด (Maximum Relative Drawdown) (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,5)
2. อัตราการใช้เงินฝากสูงที่สุด (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,3)
3. เลเวอเรจ (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)
4. อายุการใช้งานบัญชี (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)

แต่ละพารามิเตอร์ข้างต้นมีขนาดของตัวเองจาก 1 ถึง 10 และน้ำหนักของตัวเองในการประเมินความเสี่ยง รวมอัตราความเสี่ยงทั้งหมดเป็นค่าที่ปัดเศษเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้ที่สุด

ดังนั้น อัตราความเสี่ยงทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยข้อสรุปการรวมจุดสำหรับแต่ละพารามิเตอร์คูณด้วยปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) ของตัวเอง

ความเสี่ยง = จุดของการขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด * 0,5 + จุดอัตราการใช้เงินฝาก * 0,3 + จุดของเลเวอเรจ * 0,1 + จุดของอายุการใช้งานบัญชี * 0,1

1 จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด (Maximum Relative Drawdown) (%) (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,5)

2 อัตราการใช้เงินฝากสูงที่สุด (%) (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,3)

3 เลเวอเรจ (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)

4 อายุการใช้งานบัญชี (ในวัน) (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)

ตัวอย่าง

สมมติว่าบัญชีมีพารามิเตอร์และจุดต่อไปนี้ (โดยไม่พิจารณาปัจจัยน้ำหนัก)

จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด (Maximum Relative Drawdown): 22,5% = 5 คะแนน;

อัตราการใช้เงินฝากสูงที่สุด: 11,32% = 3 คะแนน;

เลเวอเรจ: 1:400 = 10 คะแนน;

อายุการใช้งานบัญชี: 84 วัน = 10 คะแนน;

ดังนั้น อัตราความเสี่ยงกับปัจจัยน้ำหนักจะถูกพิจารณาด้วยการคำนวณดังนี้

ความเสี่ยง = 5 * 0,5 + 3 * 0,3 + 10 * 0,1 + 10 * 0,1 = 5.4 ≈ 5

cTrader ID (cTID) จะถูกส่งไปยังอีเมลของคุณที่เชื่อมโยงกับโปรไฟล์ลูกค้าที่ LiteFinance เมื่อสร้างบัญชี cTrader แรกของคุณ cTID ให้การเข้าถึงบัญชี cTrader ของ LiteFinance ทั้งหมดของคุณ ทั้งบัญชีจริงและบัญชีทดลอง ด้วยการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านเพียงชุดเดียว

โปรดทราบว่า cTID จัดทำโดยบริษัท Spotware Systems และไม่สามารถใช้ลงชื่อเข้าใช้โปรไฟล์ลูกค้าที่ LiteFinance ได้

เมื่อคุณสร้างโปรไฟล์ด้วย cTrader แล้ว รหัส cTrader จะถูกส่งไปยังอีเมลของคุณ ปลดล็อกการเข้าถึงบัญชี cTrader ทั้งหมดของคุณที่เชื่อมโยงกับที่อยู่อีเมลเดียวกัน คุณสามารถสลับระหว่างบัญชีซื้อขายได้ที่มุมขวาบนของแพลตฟอร์ม

หากต้องการเปิดคำสั่งซื้อขายใหม่ ให้เปิดใช้งานกราฟของสินทรัพย์ที่ต้องการแล้วกด F9 หรือคลิกขวาที่สินทรัพย์ทางด้านซ้ายของแพลตฟอร์มแล้วคลิกที่ "คำสั่งใหม่"

คุณยังสามารถเปิดใช้งานตัวเลือก QuickTrade ในการตั้งค่าและเปิดคำสั่งในตลาดได้ในคลิกเดียวหรือสองครั้ง ตรวจสอบรายการ 6.7 เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

หากต้องการปิดตำแหน่ง ให้กด X ในบรรทัดที่เกี่ยวข้องในแท็บ "ตำแหน่ง" ที่ด้านล่างของ cTrader คุณสามารถปิดตำแหน่งบางส่วนหรือทั้งหมดได้โดยคลิกที่ "ปิดตำแหน่งทั้งหมด"

หากต้องการวางคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า ให้กด F9 หรือเลือกประเภทคำสั่งซื้อขายของคุณในแผงสัญลักษณ์ทางด้านขวาของแพลตฟอร์ม การคลิกขวาที่กราฟ คุณจะเปิดใช้งานเมนูคำสั่งซื้อขายที่รอดำเนินการด้วย

คลิกขวาที่คำสั่งที่คุณต้องการแก้ไขหรือยกเลิกในแท็บ "คำสั่ง" และเลือกการดำเนินการจากเมนู คลิกที่ "ยกเลิกคำสั่งทั้งหมด" เพื่อลบคำสั่งที่รอดำเนินการทั้งหมด

เปิด "การตั้งค่า" ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอและเลือก QuickTrade คุณสามารถเลือกหนึ่งในตัวเลือกต่อไปนี้: คลิกครั้งเดียว ดับเบิลคลิก หรือไม่ใช้ QuickTrade

หากปิดใช้งานตัวเลือก QuickTrade คุณต้องยืนยันการกระทำแต่ละรายการในหน้าต่างป๊อปอัป นอกจากนี้ ให้ใช้คุณสมบัติ QuickTrade เพื่อตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss และ Take Profit เริ่มต้น และกำหนดค่าประเภทคำสั่งอื่นๆ

ยอดคงเหลือปัจจุบันและประวัติการซื้อขายจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ cTrader

แท็บ "ตำแหน่ง" จะแสดงคำสั่งที่เปิดอยู่ทั้งหมด

แท็บ "คำสั่ง" แสดงคำสั่งที่รอดำเนินการ

แท็บ "ประวัติ" จะแสดงประวัติการทำธุรกรรม

คลิก "ประวัติ" บนแผง "TradeWatch" คลิกขวาที่บริเวณแท็บประวัติและเลือก "ใบแจ้งยอด" เพื่อสร้างใบแจ้งยอดบัญชี HTML เมื่อต้องการสร้างคำสั่งตาราง คลิกส่งออกไปยัง Excel

ใช้ลิงก์ต่อไปนี้เพื่อเพิ่มตัวบ่งชี้หรือ cBots:

• ตัวบ่งชี้
• cBots

ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาเพื่อตั้งค่าไฟล์ที่จำเป็นทั้งหมดให้กับ cTrader หากต้องการเลือกตัวบ่งชี้ที่มีอยู่และวางลงบนกราฟ ให้คลิกที่ "ตัวบ่งชี้" ในเมนูด้านบน ป้อนพารามิเตอร์ของคุณแล้วคลิกตกลง

หากต้องการเปิดใช้งาน cBots ให้คลิกปุ่มตามลำดับในเมนูด้านบน เลือก cBot ที่ต้องการจากรายการ ป้อนพารามิเตอร์ที่ต้องการ แล้วคลิก "ปรับใช้"

รายการ cBots ที่ใช้งานอยู่จะแสดงอยู่ที่มุมซ้ายล่างของกราฟ หาก cBot ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง คุณจะมีปุ่ม Stop อยู่ที่นั่น

หาก cBot ทำงาน แต่ระบบรายงานข้อผิดพลาด ให้ตรวจสอบแท็บบันทึกหรือบันทึก cBot

cBots บางตัวสามารถเปิดใช้งานได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อเพิ่มลงในกราฟแล้ว แต่ละรายการจะแสดงที่มุมซ้ายล่าง

หากต้องการหยุดการทำงานของ cBot ใน cTrader ให้คลิกที่ปุ่มสีส้ม "หยุด" จากนั้นกด X ในบรรทัดที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถลบ cBot ออกจาก cTrader ได้โดยใช้เมนู cBots ในแท็บอัตโนมัติ

แพลตฟอร์ม cTrader จะต้องเปิดอยู่เพื่อให้ cBot ทำงานต่อไปได้ เมื่อคุณปิดแพลตฟอร์ม cBots ก็จะหยุดทำงาน

หากคุณต้องการให้ cBots ของคุณทำงานตลอด 24 ชั่วโมง คุณสามารถสมัครใช้บริการ VPS ได้ที่ LiteFinance

ก่อนอื่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณถูกปิดใช้งานขณะติดตั้ง cTrader หลังจากการติดตั้ง หากแอปพลิเคชันทำงานไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับการอัพเดต ให้ทำการติดตั้ง cTrader และส่วนประกอบใหม่ทั้งหมด

สำหรับ Windows 7, 8, 8.1:

1. ปิดอินสแตนซ์ cTrader ที่ทำงานอยู่
2. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ
3. กด Windows + R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบเรียกใช้ คัดลอกและวาง appwiz.cpl ลงไปแล้วคลิก ตกลง เพื่อเปิดแผงโปรแกรมและคุณลักษณะ
4. ค้นหา cTrader ในรายการโปรแกรมที่ติดตั้ง และถอนการติดตั้ง - เลือกแล้วคลิกที่ ถอนการติดตั้ง/เปลี่ยนแปลง)
5. ค้นหากรอบงาน .NET ในรายการและถอนการติดตั้งด้วย (รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์หากได้รับแจ้ง)
6. กด Windows + R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบเรียกใช้ คัดลอกและวาง %USERPROFILE%\AppData\Local\Apps ลงไปแล้วคลิกตกลง
7. ลบโฟลเดอร์ 2.0 และปิด Windows Explorer
8. กด Windows + R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบเรียกใช้อีกครั้ง คัดลอกและวาง %USERPROFILE%\AppData\Roaming ลงไปแล้วคลิกตกลง
9. ลบโฟลเดอร์ต่อไปนี้: cTrader, cTrader LiteFinance, cAlgo LiteFinance, cTraderUsers LiteFinance, cTraderCommon- LiteFinance และปิด Windows Explorer
10. ในเมนูเริ่มของ Windows ให้เลือกเอกสาร และเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ cAlgo และ cTrader (เพื่อที่คุณจะไม่สูญเสียข้อมูลผู้ใช้ใดๆ) จากนั้นรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ
11. ติดตั้ง .NET Framework ล่าสุดจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Microsoft
12. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณอีกครั้ง
13. ดาวน์โหลดและติดตั้ง cTrader

สำหรับ Windows 10:

1. ปิดอินสแตนซ์ cTrader ที่ทำงานอยู่
2. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ
3. กด Windows + R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบเรียกใช้ คัดลอกและวาง appwiz.cpl ลงไปแล้วคลิก ตกลง เพื่อเปิดแผงโปรแกรมและคุณลักษณะ
4. ค้นหา cTrader ในรายการโปรแกรมที่ติดตั้ง และถอนการติดตั้ง - เลือกแล้วคลิกที่ ถอนการติดตั้ง/เปลี่ยนแปลง)
5. กด Windows + R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบเรียกใช้ คัดลอกและวาง %USERPROFILE%\AppData\Local\Apps ลงไปแล้วคลิกตกลง
6. ลบโฟลเดอร์ 2.0 และปิด Windows Explorer
7. กด Windows + R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบเรียกใช้อีกครั้ง คัดลอกและวาง %USERPROFILE%\AppData\Roaming ลงไปแล้วคลิกตกลง
8. ลบโฟลเดอร์ต่อไปนี้: cTrader, cTrader LiteFinance, cAlgo LiteFinance, cTraderUsers LiteFinance, cTraderCommon- LiteFinance และปิด Windows Explorer
9. ในเมนูเริ่มของ Windows ให้เลือกเอกสาร และเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ cAlgo และ cTrader (เพื่อที่คุณจะไม่สูญเสียข้อมูลผู้ใช้ใดๆ) จากนั้นรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ
10. เปิดเครื่องมือซ่อมแซม Microsoft .NET Framework
11. ดาวน์โหลดและติดตั้ง cTrader